บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12
  13. 13
  14. 14
  15. 15
  16. 16
  17. 17
  18. 18
  19. 19
  20. 20
  21. 21
  22. 22
  23. 23
  24. 24
  25. 25
  26. 26
  27. 27
  28. 28
  29. 29
  30. 30
  31. 31
  32. 32
  33. 33
  34. 34
  35. 35
  36. 36
  37. 37
  38. 38
  39. 39
  40. 40
  41. 41
  42. 42
  43. 43
  44. 44
  45. 45
  46. 46
  47. 47
  48. 48
  49. 49
  50. 50
  51. 51
  52. 52
  53. 53
  54. 54
  55. 55
  56. 56
  57. 57
  58. 58
  59. 59
  60. 60
  61. 61
  62. 62
  63. 63
  64. 64
  65. 65
  66. 66

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

อิสยาห์ 42 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

1. “นี่คือผู้รับใช้ของเรา ซึ่งเราเชิดชูผู้ที่เราเลือกสรรไว้ ซึ่งเราชื่นชมเราจะส่งวิญญาณของเราลงมาเหนือเขาและเขาจะนำความยุติธรรมไปถึงบรรดาประชาชาติ

2. เขาจะไม่ตะโกนหรือส่งเสียงร้องไม่ส่งเสียงดังกลางถนน

3. ไม้อ้อช้ำแล้ว เขาจะไม่หักไส้ตะเกียงที่ริบหรี่ เขาจะไม่ดับเขาจะนำความยุติธรรมมาอย่างซื่อสัตย์

4. เขาจะไม่สะดุดหรือท้อถอยจนกว่าจะได้สถาปนาความยุติธรรมขึ้นในโลกหมู่เกาะจะฝากความหวังไว้ที่บทบัญญัติของเขา”

5. นี่คือพระดำรัสของพระเจ้าพระยาห์เวห์พระองค์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และคลี่มันออกผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสรรพสิ่งที่บังเกิดจากโลกผู้ประทานลมปราณแก่มนุษย์และประทานชีวิตแก่ทุกคนในโลก

6. “เรา พระยาห์เวห์ ได้เรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรมเราจะจับมือเจ้าไว้เราจะคุ้มครองเจ้าและทำให้เจ้าเป็นพันธสัญญาสำหรับเหล่าประชากรและเป็นแสงสว่างแก่บรรดาชนต่างชาติ

7. ให้เบิกตาของคนตาบอดปลดปล่อยเชลยจากคุกและช่วยนำผู้ที่นั่งอยู่ในความมืดออกจากที่คุมขัง

8. “เราคือพระยาห์เวห์ นี่เป็นนามของเรา!เกียรติสิริของเรา เราจะไม่ยกให้ใครอื่นและคำสรรเสริญยกย่องของเรา เราจะไม่ให้แก่รูปเคารพต่างๆ

9. ดูเถิด สิ่งที่เราลั่นวาจาไว้ตั้งแต่แรกได้เกิดขึ้นแล้วและเราประกาศสิ่งใหม่ๆตั้งแต่สิ่งเหล่านั้นยังไม่เกิดขึ้นเราก็ประกาศแก่พวกเจ้าทั้งหลายแล้ว”

เพลงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

10. จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจงสรรเสริญพระองค์จากสุดปลายแผ่นดินโลกท่านผู้ไปยังทะเล และสรรพสิ่งในทะเลเกาะแก่งทั้งหลาย และคนทั้งปวงผู้อาศัยอยู่ที่นั่น

11. ถิ่นกันดารและเมืองต่างๆ จงเปล่งเสียงถิ่นฐานทั้งหลายที่ชาวเคดาร์อาศัยอยู่จงชื่นบานชาวเสลาจงร้องเพลงเบิกบานให้พวกเขาโห่ร้องจากยอดเขา

12. ให้พวกเขาถวายพระเกียรติสิริแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและเปล่งเสียงสรรเสริญพระองค์ในเกาะแก่งทั้งหลาย

13. องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยงบุรุษผู้เกรียงไกรพระองค์ทรงกระตือรือร้นเฉกเช่นนักรบทรงโห่ร้องเอาชัยและพิชิตเหล่าศัตรูของพระองค์

14. “เรานิ่งอั้นไว้นานแล้วเราเงียบอยู่และสะกดใจไว้แต่บัดนี้ เราร้องออกมาดั่งหญิงคลอดลูกเราหายใจถี่และหอบ

15. เราจะทำลายภูเขาและเนินเขาต่างๆให้พืชพันธุ์ทั้งหลายในที่เหล่านั้นเหี่ยวแห้งเราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นเกาะและให้สระทั้งหลายแห้งเหือด

16. เราจะนำคนตาบอดไปตามทางที่พวกเขาไม่รู้จักเราจะพาพวกเขาไปตามเส้นทางที่พวกเขาไม่คุ้นเคยเราจะเปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่างต่อหน้าพวกเขาและทำที่ขรุขระให้ราบเรียบเราจะทำสิ่งเหล่านี้เราจะไม่ทอดทิ้งเขาเลย

17. ส่วนบรรดาผู้ที่วางใจในรูปเคารพผู้ที่พูดกับเทวรูปว่า ‘ท่านเป็นเทพเจ้าของเรา’เราจะทำให้เขาหันกลับไปอย่างน่าอัปยศอดสูที่สุด

อิสราเอลตาบอดหูหนวก

18. “ฟังเถิด คนหูหนวกเอ๋ยมองเถิด คนตาบอดเอ๋ย และจงเห็น!

19. ใครเล่าตาบอดนอกจากผู้รับใช้ของเรา?ใครเล่าหูหนวกเหมือนผู้สื่อสารที่เราส่งไป?ใครเล่าตาบอดเหมือนผู้ที่ถวายตัวต่อเรา?ใครเล่าตาบอดเหมือนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า?

20. เจ้าได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ไม่ใส่ใจหูเจ้าเปิดกว้าง แต่ไม่ได้ยินอะไร”

21. องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยที่จะทำให้บทบัญญัติของพระองค์ยิ่งใหญ่และมีเกียรติเพื่อเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์

22. แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกปล้นและตกเป็นเชลยพวกเขาล้วนตกอยู่ในหลุมพรางหรือหลบซ่อนอยู่ในคุกพวกเขาถูกปล้นโดยไม่มีใครช่วยพวกเขาตกเป็นเชลยโดยไม่มีใครพูดว่า “ปล่อยพวกเขากลับไป”

23. ใครบ้างในพวกท่านจะรับฟังเรื่องนี้หรือใส่ใจกับอนาคตที่จะมาถึง?

24. ใครเล่ายอมให้ยาโคบตกเป็นเชลยและให้อิสราเอลถูกปล้น?ไม่ใช่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ซึ่งพวกเราทำบาปต่อพระองค์หรอกหรือ?เพราะพวกเขาไม่ทำตามวิถีทางของพระองค์ไม่เชื่อฟังบทบัญญัติของพระองค์

25. ดังนั้นพระองค์จึงทรงระบายพระพิโรธอันรุนแรงคือสงครามอันดุเดือดให้ตกแก่เขาให้เขาตกอยู่ในเปลวไฟ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจไฟเผาผลาญเขา แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ