บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12
  13. 13
  14. 14
  15. 15
  16. 16
  17. 17
  18. 18
  19. 19
  20. 20
  21. 21
  22. 22
  23. 23
  24. 24
  25. 25
  26. 26
  27. 27
  28. 28
  29. 29
  30. 30
  31. 31
  32. 32
  33. 33
  34. 34
  35. 35
  36. 36
  37. 37
  38. 38
  39. 39
  40. 40
  41. 41
  42. 42
  43. 43
  44. 44
  45. 45
  46. 46
  47. 47
  48. 48
  49. 49
  50. 50
  51. 51
  52. 52
  53. 53
  54. 54
  55. 55
  56. 56
  57. 57
  58. 58
  59. 59
  60. 60
  61. 61
  62. 62
  63. 63
  64. 64
  65. 65
  66. 66

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

อิสยาห์ 30 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

วิบัติแก่ชนชาติที่ดื้อรั้น

1. องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า“วิบัติแก่ลูกหลานที่ดื้อรั้นแก่ผู้ซึ่งทำตามแผนการที่ไม่ได้มาจากเราทำสัญญาไมตรีโดยไม่ได้อาศัยวิญญาณของเราทำบาปซ้อนบาป

2. ผู้ลงไปยังอียิปต์โดยไม่ปรึกษาเราผู้มุ่งขอการอารักขาจากฟาโรห์ขอลี้ภัยใต้ร่มเงาของอียิปต์

3. แต่การอารักขาของฟาโรห์จะกลับเป็นความอัปยศอดสูแก่เจ้าร่มเงาของอียิปต์จะทำให้เจ้าอับอายขายหน้า

4. ถึงแม้พวกเขาจะมีกองทหารอยู่ในโศอันและบรรดาทูตของเขาได้ไปถึงฮาเนส

5. ทุกคนก็จะต้องอับอายขายหน้าเพราะชนชาติซึ่งไม่มีประโยชน์แก่พวกเขาผู้ไม่ให้ความช่วยเหลือหรือประโยชน์อันใดให้แต่ความอับอายและความอัปยศอดสู”

6. พระดำรัสเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ แห่งเนเกบมีดังนี้คณะทูตขนทรัพย์สมบัติมาบนหลังลาและบนโหนกอูฐเดินทางผ่านดินแดนอันยากลำบากและทุกข์ลำเค็ญแดนแห่งราชสีห์และนางสิงห์แดนแห่งงูกะปะและงูแมวเซาเพื่อไปยังชนชาติที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้

7. ไปยังอียิปต์ ซึ่งความช่วยเหลือของเขาเปล่าประโยชน์อย่างแท้จริงเราจึงเรียกอียิปต์ว่า“ราหับผู้ไร้พิษสง”

8. บัดนี้จงไปเขียนไว้บนแผ่นจารึกสำหรับพวกเขาเขียนลงบนหนังสือม้วนเพื่อวันข้างหน้าจะได้เป็นพยานหลักฐานที่ยืนยงตลอดไป

9. คนเหล่านี้เป็นประชากรผู้ทรยศ เป็นลูกหลานที่ชอบหลอกลวงลูกหลานซึ่งไม่เต็มใจรับฟังคำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า

10. พวกเขาบอกผู้ทำนายว่า“อย่าเห็นนิมิตต่างๆ อีกต่อไป!”และบอกผู้เผยพระวจนะว่า“อย่าแจ้งนิมิตถึงสิ่งที่ถูกต้องอีกเลย!ขอให้บอกแต่เรื่องที่น่าฟังเผยพระวจนะเป็นภาพฝันมายาต่างๆ เถิด

11. จงหลีกไปให้พ้นจงออกไปให้พ้นจากทางนี้และหยุดเผชิญหน้ากับพวกเราด้วยองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลเสียที!”

12. ฉะนั้นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า“เนื่องจากเจ้าละทิ้งถ้อยคำนี้ไปวางใจการกดขี่ข่มเหงและพึ่งพากลอุบาย

13. บาปนี้จะเป็นดั่งกำแพงสูงสำหรับเจ้าซึ่งแตกกะเทาะออกแล้วก็ล้มครืนทันทีในชั่วพริบตา

14. มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนเครื่องปั้นดินเผาที่ถูกทุบละเอียดอย่างไม่ปรานีจนหาเศษสักชิ้นที่พอจะไปช้อนถ่านจากเตาหรือรองน้ำนิดหนึ่งจากบ่อก็ไม่ได้เลย”

15. พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลตรัสว่า“โดยการกลับใจและการหยุดพัก เจ้าจะรอดกำลังของเจ้าอยู่ที่การสงบนิ่งและการวางใจแต่เจ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย

16. เจ้าพูดว่า ‘ไม่เอา พวกเราจะขึ้นหลังม้าหนีไป’ดังนั้นเจ้าก็จะหนีไป!เจ้าพูดว่า ‘พวกเราจะควบม้าเร็วหนีไป’ฉะนั้นบรรดาผู้ไล่ตามเจ้าจะมาเร็วมาก!

17. คนพันคนจะเตลิดหนีเพราะคำขู่เข็ญของคนคนเดียวเพราะคำขู่เข็ญของคนห้าคนเจ้าทั้งหมดจะเตลิดหนีจนพวกเจ้าเหลืออยู่น้อยนิดเหมือนเสาธงบนยอดเขาเหมือนธงสัญญาณที่ปักไว้บนเนินเขา”

18. ถึงกระนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้ายังทรงปรารถนาจะเมตตาเจ้าพระองค์ทรงลุกขึ้นเพื่อแสดงความเมตตาสงสารต่อเจ้าเพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรมพระพรมีแก่ทุกคนที่รอคอยพระองค์!

19. ประชากรศิโยนเอ๋ย ผู้อาศัยในเยรูซาเล็ม ท่านจะไม่ร้องไห้อีก พระองค์จะทรงเปี่ยมด้วยพระคุณยิ่งนักเมื่อท่านร้องขอความช่วยเหลือ! ทันทีที่พระองค์ทรงได้ยิน พระองค์จะทรงตอบ

20. ถึงแม้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานอาหารแห่งความลำเค็ญและน้ำแห่งความทุกข์ระทมแก่ท่าน แต่ครูของท่านจะไม่ซ่อนตัวอีก ท่านจะเห็นครูด้วยตาของท่านเอง

21. ไม่ว่าท่านจะหันไปทางซ้ายหรือทางขวา หูของท่านจะได้ยินเสียงข้างหลังกล่าวว่า “นี่คือหนทาง จงเดินในทางนี้เถิด”

22. แล้วท่านจะทำลายรูปเคารพต่างๆ ที่หุ้มด้วยเงิน และเทวรูปซึ่งปิดทอง ท่านจะเหวี่ยงทิ้งเหมือนผ้าที่เปื้อนประจำเดือน และพูดกับสิ่งเหล่านั้นว่า “ไปให้พ้น!”

23. พระองค์จะประทานฝนแก่เมล็ดพืชที่ท่านหว่านลงในดิน อาหารที่ได้จากแผ่นดินจะอุดมสมบูรณ์ ในวันนั้นฝูงสัตว์ของท่านจะเล็มหญ้าอยู่ในทุ่งกว้าง

24. วัวและลาซึ่งใช้ไถนาจะกินหญ้าแห้งและอาหารคลุกซึ่งใช้คราดและพลั่วเกลี่ย

25. ในวันสังหารครั้งใหญ่นั้น เมื่อหอคอยต่างๆ ล้มครืนลง ธารน้ำหลายสายจะไหลบนภูเขาสูงทุกลูกและเนินเขาสูงทุกแห่ง

26. ดวงจันทร์จะฉายแสงดั่งดวงอาทิตย์ และแสงอาทิตย์จะแผดกล้ากว่าเดิมเจ็ดเท่าเหมือนความสว่างของเจ็ดวันรวมกัน เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสมานรอยแผลของประชากรของพระองค์และทรงรักษาบาดแผลที่ทรงลงโทษ

27. ดูเถิด พระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาจากที่ไกลลิบด้วยพระพิโรธร้อนแรงและควันโขมงทึบปากของพระองค์เต็มไปด้วยพระพิโรธลิ้นของพระองค์คือไฟที่เผาผลาญ

28. ลมหายใจของพระองค์เหมือนน้ำที่ทะลักท่วมถึงคอพระองค์ทรงฝัดร่อนนานาชาติในตะแกรงแห่งหายนะพระองค์ทรงใส่บังเหียนที่ชักนำให้เตลิดไปนั้นไว้ที่ปากของชนชาติต่างๆ

29. ส่วนท่านจะร้องเพลงเหมือนในคืนฉลองเทศกาลศักดิ์สิทธิ์จิตใจของท่านจะชื่นชมยินดีเหมือนตอนที่ประชากรเป่าขลุ่ยขณะขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเข้าเฝ้าพระศิลาแห่งอิสราเอล

30. องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้มนุษย์ได้ยินพระสุรเสียงอันทรงเดชานุภาพของพระองค์ให้พวกเขาเห็นพระกรซึ่งฟาดลงมาด้วยพระพิโรธรุนแรงและด้วยไฟที่เผาผลาญด้วยพายุฝน ฟ้าคำรน และลูกเห็บ

31. พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าทำให้อัสซีเรียแตกกระจายพระองค์จะทรงฟาดเขาลงด้วยคทาของพระองค์

32. ทุกจังหวะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟาดเขาด้วยไม้เรียวจะเข้ากับเสียงของรำมะนาและพิณขณะที่พระองค์ทรงสู้รบกับพวกเขาด้วยการฟาดฟันโดยพระกรของพระองค์ในสงคราม

33. โทเฟทถูกเตรียมไว้นานแล้วเตรียมไว้สำหรับกษัตริย์องค์นั้นหลุมที่ใช้เผาก็กว้างและลึกมีไฟและฟืนมากมายลมหายใจขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนธารกำมะถันลุกโชนซึ่งจะจุดโทเฟทให้ลุกไหม้