บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12
  13. 13
  14. 14
  15. 15
  16. 16
  17. 17
  18. 18
  19. 19
  20. 20
  21. 21

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

ยอห์น 9 ฉบับ1971 (TH1971)

พระ‍เยซู​ทรง​รัก‌ษา​คน​ตา‍บอด​แต่​กำ‌เนิด

1. เมื่อ​พระ‍องค์​เสด็จ​ดำ‌เนิน​ไป​นั้น ทรง‍เห็น​ชาย​คน‍หนึ่ง​ตา‍บอด​แต่​กำ‌เนิด

2. และ​พวก​สา‌วก​ของ​พระ‍องค์​ทูล​ถาม​พระ‍องค์​ว่า “พระ‍อา‌จารย์​เจ้า‍ข้า ใคร​ได้​ทำ​ผิด​บาป ชาย​คน‍นี้​หรือ​บิดา​มารดา​ของ​เขา เขา​จึง​เกิด​มา​ตา‍บอด”

3. พระ‍เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “มิ‍ใช่​ว่า​ชาย​คน‍นี้​หรือ​บิดา​มารดา​ของ​เขา​ได้​ทำ​บาป แต่​เขา​เกิด​มา​ตา‍บอด เพื่อ​ให้​พระ‍ราช‍กิจ​ของ​พระ‍เจ้า​ปรา‌กฏ​ใน​ตัว​เขา

4. เรา​ต้อง​กระ‌ทำ​พระ‍ราช‍กิจ​ของ​พระ‍องค์​ผู้​ทรง​ใช้​เรา​มา​เมื่อ​ยัง​วัน​อยู่ เมื่อ​ถึง​กลาง‍คืน​ไม่​มี​ผู้​ใด​ทำ‍งาน​ได้

5. ตราบ‍ใด​ที่​เรา​ยัง​อยู่​ใน‍โลก เรา​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก”

6. เมื่อ​ตรัส​ดัง‍นั้น​แล้ว พระ‍องค์​ก็​ทรง‍บ้วน​น้ำ‍ลาย​ลง​ที่​ดิน แล้ว​ทรง​เอา​น้ำ‍ลาย​นั้น​ทำ​เป็น​โคลน​ทา​ที่​ตา​ของ​คน‍ตา‍บอด

7. แล้ว​ตรัส​สั่ง​เขา​ว่า “จง​ไป​ล้าง​โคลน​ออก​เสีย​ใน​สระ​สิ‌โล‌อัม​เถิด” (สิ‌โล‌อัม​แปล‍ว่า ใช้​ไป) เขา​จึง​ไป​ล้าง​แล้ว​กลับ​มา​ก็​เห็น​ได้

8. เพื่อน‍บ้าน​และ​บรร‌ดา​คน​ที่​เคย​เห็น​ชาย​คน‍นั้น​เป็น​คน​ขอ‍ทาน​มา​ก่อน​ก็​พูด​กัน​ว่า “คน‍นี้​ใช่​ไหม​ที่‍เคย​นั่ง​ขอ‍ทาน”

9. บาง‍คน​ก็​พูด​ว่า “ใช่​คน‍นั้น​แหละ” คน‍อื่น​ว่า “ไม่‍ใช่ แต่​เขา​เหมือน​คน‍นั้น” ตัว​เขา​เอง​พูด​ว่า “ข้าพ‌เจ้า​คือ​คน‍นั้น”

10. เขา​ทั้ง‍หลาย​จึง​ถาม​เขา​ว่า “ตา​ของ​เจ้า​หาย​บอด​ได้​อย่าง‍ไร”

11. เขา​ตอบ​ว่า “ชาย​คน‍หนึ่ง​ชื่อ​เย‌ซู​ได้​ทำ​โคลน​ทา​ตา​ของ​ข้าพ‌เจ้า และ​บอก​ข้าพ‌เจ้า​ว่า ‘จง​ไป​ที่​สระ​สิ‌โล‌อัม​แล้ว​ล้าง​โคลน​ออก​เสีย’ ข้าพ‌เจ้า​ก็​ได้​ไป​ล้าง​ตา จึง​มอง​เห็น​ได้”

12. เขา​จึง​ถาม​ว่า “ผู้​นั้น​อยู่​ที่‍ไหน” คน​นั้น​บอก​ว่า “ข้าพ‌เจ้า​ไม่​ทราบ”

พวก​ฟา‌ริสี​สอบ‍สวน​เรื่อง​การ​รัก‌ษา​คน​ตา‍บอด

13. เขา​จึง​พา​คน​ที่​แต่​ก่อน​ตา‍บอด​นั้น​ไป​หา​พวก​ฟา‌ริสี

14. วัน‍ที่​พระ‍เยซู​ทรง‍ทำ​โคลน​ทา​ตา​ชาย​คน‍นั้น​ให้​หาย​บอด เป็น​วัน​สะ‌บา‌โต

15. พวก​ฟา‌ริสี​ก็​ได้​ถาม​เขา​อีก​ว่า ทำ​อย่าง‍ไร​ตา​เขา​จึง​มอง​เห็น และ​เขา​บอก​คน​เหล่า​นั้น​ว่า “เขา​เอา​โคลน​ทา​ตา​ของ​ข้าพ‌เจ้า และ​ข้าพ‌เจ้า​ก็​ล้าง​ออก​แล้ว​จึง​มอง​เห็น”

16. พวก​ฟา‌ริสี​บาง‍คน​พูด​ว่า “ชาย​คน‍นี้​ไม่‍ได้​มา​จาก​พระ‍เจ้า เพราะ​เขา​มิ‍ได้​รัก‌ษา​วัน​สะ‌บา‌โต” แต่​คน‍อื่น​พูด​ว่า “คน‍บาป​จะ​ทำ​หมาย‍สำ‌คัญ​เช่น‍นั้น​ได้​อย่าง‍ไร” พวก‍เขา​ก็​แตก‍แยก​กัน

17. เขา​จึง​พูด​กับ​คน​ตา‍บอด​อีก​ว่า “เจ้า​คิด​อย่าง‍ไร​เรื่อง​คน‍นั้น ใน​เมื่อ​เขา​ได้​ทำ​ให้​ตา​ของ​เจ้า​หาย​บอด” ชาย​คน‍นั้น​ตอบ​ว่า “ท่าน​เป็น​ผู้​เผย​พระ‍วจนะ”

18. พวก‍ยิว​ไม่​เชื่อ​ว่า​ชาย​คน‍นั้น​ตา‍บอด​และ​กลับ​มอง​เห็น จน​กระ‌ทั่ง​เขา​ได้​เรียก​บิดา​มารดา​ของ​คน​ที่​ตา​กลับ​มอง​เห็น​ได้​นั้น​มา

19. แล้ว​ถาม​ว่า “ชาย​คน‍นี้​เป็น​บุตร​ของ​เจ้า​หรือ ที่​เจ้า​บอก​ว่า​ตา‍บอด​มา​แต่​กำ‌เนิด ทำไม​เดี๋ยว‍นี้​เขา​จึง​มอง​เห็น”

20. บิดา​มารดา​ของ​ชาย​คน‍นั้น​ตอบ​ว่า “ข้าพ‌เจ้า​ทราบ​ว่า​คน‍นี้​เป็น​บุตร​ของ​ข้าพ‌เจ้า และ​ทราบ​ว่า​เขา​เกิด​มา​ตา‍บอด

21. แต่​ไม่​รู้​ว่า​ทำไม​เดี๋ยว‍นี้​เขา​จึง​มอง​เห็น ใคร​ทำ​ให้​ตา​ของ​เขา​หาย​บอด ข้าพ‌เจ้า​ก็​ไม่​ทราบ จง​ถาม​เขา​เถิด เขา​โต​แล้ว เขา​คง​เล่า​เรื่อง​ของ​เขา​เอง​ได้”

22. ที่​บิดา​มารดา​ของ​เขา​พูด​อย่าง​นั้น ก็​เพราะ​กลัว​พวก‍ยิว​เพราะ​พวก‍ยิว​ตก‍ลง​กัน​แล้ว​ว่า ถ้า​ผู้​ใด​ยอม​รับ​ว่า​ผู้​นั้น​เป็น​พระ‍คริสต์ จะ​ต้อง​อเปหิ​ผู้​นั้น​เสีย​จาก​ธรรม‍ศาลา

23. เหตุ​ฉะนั้น​บิดา​มารดา​ของ​เขา​จึง​พูด​ว่า “เขา​โต​แล้ว ถาม​ตัว​เขา​เอง​เถิด”

24. คน​เหล่า‍นั้น​จึง​เรียก​คน​ที่​แต่​ก่อน​ตา‍บอด​นั้น​มา​หา​เป็น​ครั้ง​ที่‍สอง และ​บอก​เขา​ว่า “จง​สรร‌เสริญ​พระ‍เจ้า​เถิด เรา​รู้​อยู่​ว่า​ชาย​คน‍นั้น​เป็น​คน‍บาป”

25. เขา​ตอบ​ว่า “ท่าน​นั้น​เป็น​คน‍บาป​หรือ​ไม่​ข้าพ‌เจ้า​ไม่​ทราบ สิ่ง​เดียว​ที่​ข้าพ‌เจ้า​ทราบ ก็​คือ​ว่า​ข้าพ‌เจ้า​เคย​ตา‍บอด แต่​เดี๋ยว‍นี้​ข้าพ‌เจ้า​มอง​เห็น​ได้​แล้ว”

26. คน​เหล่า‍นั้น​จึง​ถาม​เขา​ว่า “เขา​ทำ​อะไร​กับ​เจ้า​บ้าง เขา​ทำ​อย่าง‍ไร​ตา​ของ​เจ้า​จึง​หาย​บอด”

27. ชาย​คน‍นั้น​ตอบ​เขา​ว่า “ข้าพ‌เจ้า​บอก​ท่าน​แล้ว​และ​ท่าน​ไม่​ฟัง ทำไม​ท่าน​จึง​อยาก​ฟัง​อีก อยาก​เป็น​สา‌วก​ของ​ท่าน​ผู้​นั้น​ด้วย​หรือ”

28. และ​เขา​ทั้ง‍หลาย​จึง​เย้ย​ชาย​คน‍นั้น​ว่า “เอ็ง​เป็น​ศิษย์​ของ​เขา แต่​เรา​เป็น​ศิษย์​ของ​โม‌เสส

29. เรา​รู้​ว่า​พระ‍เจ้า​ได้​ตรัส​กับ​โม‌เสส แต่​คน‍นั้น​เรา​ไม่​รู้​ว่า​เขา​มา​จาก​ไหน”

30. ชาย​คน‍นั้น​ตอบ​ว่า “เออ ช่าง​ประ‌หลาด​จริงๆ ที่​พวก​ท่าน​ไม่​รู้​ว่า​ท่าน​ผู้​นั้น​มา​จาก​ไหน แต่​ท่าน​ผู้​นั้น​ก็​ยัง​ได้​ทำ​ให้​ตา​ของ​ข้าพ‌เจ้า​หาย​บอด

31. พวก‍เรา​รู้​ว่า​พระ‍เจ้า​มิ‍ได้​ฟัง​คน‍บาป แต่​ถ้า​ผู้​ใด​ยำ‌เกรง​พระ‍เจ้า และ​กระ‌ทำ​ตาม​พระ‍ทัย​พระ‍องค์ พระ‍องค์​ก็​ทรง‍ฟัง​ผู้​นั้น

32. ตั้ง‍แต่​เริ่ม​มี​โลก​มา​แล้ว ไม่‍เคย​มี​ใคร​ได้​ยิน​ว่า มี​ผู้​ใด​ทำ​ให้​ตา​ของ​คน​ที่​บอด​แต่​กำ‌เนิด​มอง​เห็น​ได้

33. ถ้า​ท่าน​ผู้​นั้น​ไม่​ได้​มา​จาก​พระ‍เจ้า​แล้ว​ก็​คง​ไม่​สา‌มารถ​ทำ​ได้”

34. เขา​ทั้ง‍หลาย​ตอบ​คน‍นั้น​ว่า “เอ็ง​เกิด​มา​ใน​การ​บาป​ทั้ง​นั้น และ​เอ็ง​จะ​มา​สอน​เรา​หรือ” แล้ว​เขา​จึง​อเปหิ​คน‍นั้น​เสีย

ความ‍บอด​ของ​วิญ‌ญาณ​จิต

35. พระ‍เยซู​ทรง​ได้​ยิน​ว่า​เขา​ได้​อเปหิ​คน‍นั้น​เสีย​แล้ว เมื่อ​พระ‍องค์​ทรง‍พบ​ชาย​คน‍นั้น​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​วาง‍ใจ​ใน​บุตร‍มนุษย์​หรือ”

36. ชาย​คน‍นั้น​ทูล​ตอบ​ว่า “ท่าน​เจ้า‍ข้า ผู้‍ใด​เป็น​บุตร‍มนุษย์ ซึ่ง​ข้าพ‌เจ้า​จะ​วาง‍ใจ​ใน​พระ‍องค์​ได้”

37. พระ‍เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เจ้า​ได้​เห็น​ท่าน​แล้ว ท่าน​ผู้​นั้น​เอง​ที่​กำ‌ลัง​พูด​อยู่​กับ​เจ้า”

38. เขา​จึง​ทูล​ว่า “พระ‍องค์​เจ้า‍ข้า ข้า‍พระ‍องค์​วาง‍ใจ” แล้ว​เขา​ก็​กราบ​ไหว้​พระ‍องค์

39. พระ‍เยซู​ตรัส​ว่า “เรา​เข้า​มา​ใน​โลก​เพื่อ​แก่​การ​พิพาก‌ษา เพื่อ​ให้​คน​ทั้ง‍หลาย​ที่​มอง​ไม่​เห็น​กลับ​มอง​เห็น และ​คน​ที่​มอง​เห็น​กลับ​ตา‍บอด”

40. เมื่อ​พวก​ฟา‌ริสี​ที่​อยู่​ใกล้​พระ‍องค์​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น จึง​กล่าว​แก่​พระ‍องค์​ว่า “เรา​ตา‍บอด​ด้วย​หรือ”

41. พระ‍เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ถ้า​พวก‍ท่าน​ตา‍บอด​พวก‍ท่าน​ก็​จะ​ไม่​มี​ความ​ผิด​บาป แต่​บัด‍นี้​ท่าน​พูด​ว่า ‘เรา​มอง​เห็น’ เหตุ​ฉะนั้น​ความ​ผิด​บาป​ของ​ท่าน​จึง​ยัง​มี​อยู่