12. เพราะการละเมิดของเรามากมายนักในสายพระเนตรของพระองค์บาปทั้งหลายของเราฟ้องร้องเราการละเมิดของเราอยู่กับเราเสมอและเรายอมรับความชั่วช้าของเรา
13. เรากบฏทรยศต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าหันหลังให้พระเจ้าของเราเราก่อการกดขี่ข่มเหงและการกบฏกล่าวคำโกหกซึ่งเราคิดไว้ในใจ
14. ดังนั้นความยุติธรรมจึงถดถอยความชอบธรรมหลีกห่างความจริงสะดุดกลางถนนความซื่อสัตย์ไม่อาจเข้ามาได้
15. หาความจริงไม่พบเลยไม่ว่าที่ไหนผู้ที่หลีกหนีจากความชั่วกลับตกเป็นเหยื่อ องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรแล้วก็ไม่พอพระทัยเนื่องจากไม่มีความยุติธรรมเลย
16. พระองค์ทรงเห็นว่าไม่มีใครเลยและตกพระทัยที่ไม่มีใครก้าวเข้ามาช่วยดังนั้นพระกรของพระองค์เองจึงนำความรอดมาและความชอบธรรมของพระองค์ก็ค้ำจุนพระองค์ไว้
17. พระองค์ทรงสวมความชอบธรรมเป็นเสื้อเกราะและทรงสวมหมวกเหล็กแห่งความรอดไว้บนพระเศียรทรงฉลองพระองค์ด้วยเสื้อคลุมแห่งการแก้แค้นและทรงห่มความกระตือรือร้นเหมือนห่มเสื้อคลุม
18. พระองค์จะทรงตอบแทนศัตรูทั้งหลายของพระองค์ด้วยพระพิโรธและจะทรงแก้แค้นบรรดาปฏิปักษ์ของพระองค์ให้สาสมกับการกระทำของพวกเขาพระองค์จะทรงตอบแทนเกาะแก่งต่างๆ ตามที่มันสมควรจะได้รับ
19. ผู้คนจากตะวันตกจะยำเกรงพระนามของพระยาห์เวห์และจากที่พระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาจะยกย่องพระเกียรติสิริของพระองค์เพราะพระองค์จะเสด็จมาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวซึ่งขับเคลื่อนด้วยลมปราณขององค์พระผู้เป็นเจ้า
20. “พระผู้ไถ่จะเสด็จมายังศิโยนมายังคนในวงศ์วานยาโคบที่กลับใจจากบาปของพวกเขา” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
21. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ส่วนเรา นี่เป็นพันธสัญญาของเรากับพวกเขา จิตวิญญาณของเราซึ่งอยู่กับเจ้าและถ้อยคำของเราซึ่งเราใส่ไว้ในปากของเจ้าจะไม่พรากไปจากปากของเจ้า หรือจากปากลูกๆ ของเจ้า หรือจากปากลูกหลานของพวกเขานับแต่บัดนี้จวบจนนิรันดร์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น