บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12
  13. 13
  14. 14
  15. 15
  16. 16
  17. 17
  18. 18
  19. 19
  20. 20
  21. 21
  22. 22
  23. 23
  24. 24
  25. 25
  26. 26
  27. 27
  28. 28
  29. 29
  30. 30
  31. 31
  32. 32
  33. 33
  34. 34
  35. 35
  36. 36
  37. 37
  38. 38
  39. 39
  40. 40

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

อพยพ 4 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

หมายสำคัญแก่โมเสส

1. โมเสสทูลตอบว่า “จะทำอย่างไรถ้าพวกเขาไม่เชื่อและไม่ฟังข้าพระองค์ แล้วพูดว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ปรากฏแก่เจ้า’?”

2. องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “อะไรอยู่ในมือของเจ้า?”โมเสสทูลว่า “ไม้เท้าพระเจ้าข้า”

3. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงโยนไม้เท้าลงบนพื้น”โมเสสจึงโยนลงไป ไม้เท้าก็กลายเป็นงู โมเสสจึงวิ่งหลบงูนั้น

4. แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงยื่นมือออกไปจับหางงูนั้นไว้” ดังนั้นโมเสสจึงยื่นมือออกจับงูไว้ และงูนั้นก็กลายเป็นไม้เท้าในมือของเขา

5. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงทำอย่างนี้ แล้วพวกเขาจะเชื่อว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา คือพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบได้ปรากฏแก่เจ้า”

6. แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงเอามือสอดเข้าไปในเสื้อคลุม” เมื่อโมเสสทำเช่นนั้นแล้วชักมือออกมา ผิวหนังก็กลายเป็นโรคเรื้อนขาวเหมือนหิมะ

7. พระองค์ตรัสว่า “จงเอามือสอดกลับเข้าไปในเสื้อคลุม” เมื่อโมเสสทำตามและชักมือออกมา มือของเขาก็กลับเป็นปกติ

8. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “หากเขาไม่เชื่อหรือไม่สนใจหมายสำคัญอย่างแรก เขาอาจจะเชื่ออย่างที่สอง

9. แต่หากพวกเขาไม่เชื่อหมายสำคัญทั้งสองนี้หรือไม่ยอมฟังเจ้า จงตักน้ำจากแม่น้ำไนล์มาเทลงบนพื้นแห้ง น้ำที่เจ้าเอามาจากแม่น้ำจะกลายเป็นเลือดบนพื้นดิน”

10. โมเสสทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์พูดไม่เก่ง ไม่ว่าจะในอดีตหรือเมื่อพระองค์ตรัสกับผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระองค์เป็นคนพูดไม่คล่องและไร้คารม”

11. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ใครเล่าสร้างปากมนุษย์? ใครเล่าทำให้เขาหูหนวกหรือเป็นใบ้? ใครเล่าทำให้เขามองเห็นหรือตาบอด? ไม่ใช่เราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ?

12. บัดนี้จงไปเถิด เราจะช่วยและจะสอนเจ้าว่าเจ้าควรจะพูดอะไร”

13. แต่โมเสสทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดส่งคนอื่นไปเถิด”

14. องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงกริ้วโมเสสและตรัสว่า “อาโรนคนเลวีพี่ชายของเจ้าล่ะ? เรารู้ว่าเขาพูดเก่ง เขากำลังมาที่นี่เพื่อพบเจ้า และจะดีใจมากเมื่อเห็นเจ้า

15. เจ้าจะต้องพูดกับเขา และบอกเขาว่าควรพูดอะไร เราจะช่วยให้เจ้าทั้งสองพูดได้ดีและจะสอนเจ้าว่าควรทำอะไรบ้าง

16. เขาจะพูดกับประชาชนแทนเจ้า เขาจะเป็นเหมือนปากของเจ้า ส่วนเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้าสำหรับเขา

17. แต่เจ้าจงเอาไม้เท้าในมือของเจ้าอันนี้ไปด้วยเพื่อจะได้ใช้แสดงหมายสำคัญ”

โมเสสกลับสู่อียิปต์

18. โมเสสจึงกลับไปหาเยโธรพ่อตาของเขาและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอกลับไปหาชนชาติของข้าพเจ้าในอียิปต์ ไปดูว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”เยโธรตอบว่า “ไปเถิด พ่อขออวยพรให้เจ้าไปดี”

19. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสที่มีเดียนว่า “จงกลับไปอียิปต์เพราะพวกที่ต้องการฆ่าเจ้านั้นตายไปแล้ว”

20. ดังนั้นโมเสสจึงพาภรรยาและลูกๆ ขึ้นลาและออกเดินทางกลับไปอียิปต์ เขาถือไม้เท้าของพระเจ้าไปด้วย

21. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เมื่อเจ้ากลับไปถึงอียิปต์ เจ้าจะต้องทำการอัศจรรย์ทุกอย่างต่อหน้าฟาโรห์ตามที่เราให้ฤทธิ์อำนาจแก่เจ้าแล้ว แต่เราจะทำให้ฟาโรห์ใจแข็งไม่ยอมปล่อยเหล่าประชากรไป

22. แล้วเจ้าจงบอกฟาโรห์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า อิสราเอลเป็นลูกชายหัวปีของเรา

23. และเราบอกเจ้าว่า “จงปล่อยลูกชายของเราไป เพื่อเขาจะได้นมัสการเรา” แต่เจ้าปฏิเสธไม่ยอมให้เขาไป ดังนั้นเราจะประหารลูกชายหัวปีของเจ้า’ ”

24. ตรงที่พักระหว่างทาง องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาพบโมเสสและจะทรงประหารชีวิตเขา

25. แต่นางศิปโปราห์เอามีดหินคมเฉือนหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศบุตรชายของตน เอาไปแตะเท้าของโมเสส และกล่าวว่า “ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งโลหิตต่อดิฉัน”

26. ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงละโมเสสไป (ครั้งนั้นนางกล่าวถึง “เจ้าบ่าวแห่งโลหิต” หมายถึงการเข้าสุหนัต)

27. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอาโรนว่า “จงไปพบโมเสสในถิ่นกันดาร” ดังนั้นอาโรนจึงไปพบโมเสสที่ภูเขาของพระเจ้าและจูบเขา

28. โมเสสเล่าให้อาโรนฟังถึงทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งให้พูด และหมายสำคัญทุกอย่างที่พระองค์ทรงบัญชาให้เขาทำ

29. โมเสสกับอาโรนจึงเรียกประชุมผู้อาวุโสทั้งหมดของชนอิสราเอล

30. และอาโรนแจ้งให้พวกเขาทราบทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสส โมเสสได้ทำหมายสำคัญต่อหน้าประชากรด้วย

31. พวกเขาจึงเชื่อ และเมื่อพวกเขาได้ยินว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงห่วงใย และเห็นความทุกข์ลำเค็ญของพวกตน พวกเขาจึงกราบลงนมัสการ