บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12
  13. 13
  14. 14
  15. 15
  16. 16
  17. 17
  18. 18
  19. 19
  20. 20
  21. 21
  22. 22
  23. 23
  24. 24
  25. 25
  26. 26
  27. 27
  28. 28
  29. 29
  30. 30
  31. 31
  32. 32
  33. 33
  34. 34
  35. 35
  36. 36
  37. 37
  38. 38
  39. 39
  40. 40

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

อพยพ 15 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

บทเพลงของโมเสสและมิเรียม

1. โมเสสและชาวอิสราเอลจึงร้องเพลงนี้ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า“ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็นที่เทิดทูนสูงส่งพระองค์ทรงเหวี่ยงม้าและพลม้าลงในทะเล

2. “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงมาเป็นความรอดของข้าพเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเทิดทูนพระองค์

3. องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นนักรบพระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์

4. พระองค์ทรงเหวี่ยงรถม้าศึกและกองทัพของฟาโรห์ลงในทะเลนายทหารฝีมือดีที่สุดของฟาโรห์จมน้ำตายในทะเลแดง

5. น้ำลึกหลากท่วมพวกเขาพวกเขาจมดิ่งลงในห้วงลึกเหมือนก้อนหินก้อนหนึ่ง

6. “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงฤทธานุภาพน่าเกรงขามข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระหัตถ์ขวาของพระองค์ขยี้ศัตรูแหลกลาญ

7. ด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์พระองค์ทรงคว่ำทุกคนที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ทรงระบายพระพิโรธเผาผลาญพวกเขาเหมือนไฟเผาตอข้าว

8. โดยพายุอันเกรี้ยวกราดที่พัดออกจากพระนาสิกของพระองค์น้ำก็แยกตั้งขึ้นน้ำที่ซัดสาดตั้งตระหง่านดั่งกำแพงน้ำลึกตั้งขึ้นที่ใจกลางทะเล

9. “ศัตรูโอ้อวดว่า‘ข้าจะรุกไล่พวกเขา ข้าจะตามพวกเขาทันแล้วเอาของที่ยึดได้มาแบ่งกันข้าจะกลืนกินพวกเขาข้าจะชักดาบออกมาและมือของข้าจะทำลายพวกเขา’

10. แต่พระองค์ทรงระบายลมหายใจของพระองค์ทะเลก็ท่วมพวกเขาเขาจมดิ่งลงในห้วงน้ำใหญ่เหมือนก้อนตะกั่ว

11. “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าในบรรดาพระทั้งปวง ใครเล่าจะเสมอเหมือนพระองค์?ผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์?ผู้ทรงยิ่งใหญ่ตระการในความบริสุทธิ์ทรงเกียรติบารมีน่าครั่นคร้ามผู้ทรงกระทำการมหัศจรรย์

12. พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ขวาออกแผ่นดินโลกก็กลืนพวกเขา

13. “โดยความรักมั่นคงของพระองค์พระองค์จะทรงนำประชากรที่ทรงไถ่ไว้พระองค์จะทรงนำพวกเขาด้วยเดชานุภาพเข้าสู่ที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์

14. ประชาชาติทั้งหลายจะได้ยินและสะท้านกลัวความหวาดหวั่นจะจู่โจมชาวฟีลิสเตีย

15. บรรดาผู้นำของเอโดมจะขวัญหนีดีฝ่อผู้นำของโมอับจะตัวสั่นเทาประชาชนชาวคานาอันจะกลัวลาน

16. พวกเขาจะอกสั่นขวัญแขวนข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโดยอานุภาพแห่งพระกรของพระองค์พวกเขาจะแน่นิ่งดั่งก้อนหินจนกว่าประชากรของพระองค์จะผ่านไปจนกว่าประชากรที่พระองค์ทรงซื้อ ไว้จะผ่านไป

17. ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จะทรงนำประชากรของพระองค์ไปตั้งไว้บนภูเขาอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์สถานที่ซึ่งเป็นที่ประทับของพระองค์เองข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า สถานนมัสการที่พระหัตถ์ของพระองค์ได้สถาปนาขึ้น

18. องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครอบครองสืบๆ ไปเป็นนิตย์”

19. เมื่อม้า พลม้า และรถม้าศึกของฟาโรห์บุกลงทะเลตามมา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทลายทำนบทะเลลงมาท่วมพวกเขา แต่ชนอิสราเอลเดินบนทางแห้งข้ามทะเล

20. แล้วมิเรียมผู้เผยพระวจนะหญิงพี่สาวของอาโรนก็ถือรำมะนาออกมา แล้วสตรีทั้งปวงก็ถือรำมะนาตามมิเรียมออกมาร่ายรำกับเธอ

21. มิเรียมขับร้องว่า“จงร้องเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็นที่เทิดทูนสูงส่งพระองค์ทรงเหวี่ยงม้าและพลม้าลงในทะเล”

น้ำแห่งมาราห์และเอลิม

22. จากนั้นโมเสสนำชนอิสราเอลเดินทางต่อไปจากทะเลแดงเคลื่อนเข้าสู่ถิ่นกันดารชูร์ ตลอดสามวันที่เดินทางในถิ่นกันดาร พวกเขาไม่พบน้ำเลย

23. เมื่อพวกเขามาถึงมาราห์ พวกเขาดื่มน้ำไม่ได้เพราะน้ำที่นั่นมีรสขม (ที่นั่นจึงได้ชื่อว่ามาราห์)

24. ดังนั้นเหล่าประชากรจึงบ่นว่าโมเสสว่า “จะให้พวกเราเอาอะไรดื่ม?”

25. แล้วโมเสสทูลวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงให้เขาเห็นไม้ท่อนหนึ่ง เขาโยนมันลงไปในน้ำ น้ำก็หายขมที่มาราห์นี้เององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางกฎหมายและบทบัญญัติสำหรับเหล่าประชากรและทรงทดสอบพวกเขา

26. พระองค์ตรัสว่า “หากเจ้าตั้งใจฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าและปฏิบัติตามพระบัญชาและกฎหมาย ทำสิ่งที่เราเห็นชอบ โรคภัยไข้เจ็บซึ่งเราให้เกิดกับชาวอียิปต์นั้นจะไม่เกิดกับเจ้า เพราะเราคือพระยาห์เวห์ผู้บำบัดรักษาเจ้า”

27. แล้วพวกเขาก็มาถึงเอลิมซึ่งมีน้ำพุสิบสองแห่งและต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น พวกเขาจึงตั้งค่ายพักแรมที่ริมน้ำ