บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12
  13. 13
  14. 14
  15. 15
  16. 16
  17. 17
  18. 18
  19. 19
  20. 20
  21. 21
  22. 22

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

1พงศ์กษัตริย์ 13 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

คนของพระเจ้าจากยูดาห์

1. โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า คนของพระเจ้าคนหนึ่งจากยูดาห์มายังเบธเอล ขณะที่เยโรโบอัมทรงยืนอยู่ข้างแท่นบูชาเพื่อถวายเครื่องบูชา

2. คนของพระเจ้านั้นร้องออกมาโดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับแท่นบูชาว่า “แท่นบูชา แท่นบูชาเอ๋ย! องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘บุตรคนหนึ่งนามโยสิยาห์จะถือกำเนิดในวงศ์วานของดาวิด เขาผู้นั้นจะเผาบรรดาปุโรหิตของสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายผู้ซึ่งบัดนี้ถวายเครื่องบูชาที่นี่ และกระดูกมนุษย์จะถูกนำมาเผาบนเจ้า’ ”

3. ในวันเดียวกันนั้นคนของพระเจ้าก็ให้หมายสำคัญว่า “นี่คือหมายสำคัญที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศไว้ แท่นนี้จะแยกออก และเถ้าถ่านบนแท่นนี้จะถูกเทออก”

4. เมื่อกษัตริย์เยโรโบอัมทรงได้ยินถ้อยคำที่คนของพระเจ้าประกาศเกี่ยวกับแท่นบูชาที่เบธเอล ก็ยื่นพระหัตถ์ออกมาจากแท่นและตรัสว่า “จับชายคนนี้ไว้!” แต่พระหัตถ์ของกษัตริย์กลายเป็นอัมพาตแข็งอยู่ในท่านั้น ไม่สามารถชักพระหัตถ์กลับคืนดังเดิม

5. แล้วแท่นบูชาก็แยกจากกัน เถ้าถ่านร่วงลงมา สำเร็จตามหมายสำคัญที่คนของพระเจ้าให้ไว้โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

6. กษัตริย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “ช่วยอธิษฐานวิงวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้มือของเรากลับคืนสภาพปกติด้วยเถิด” คนของพระเจ้าจึงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อกษัตริย์ แล้วพระหัตถ์ของกษัตริย์ก็กลับเป็นปกติ

7. จากนั้นกษัตริย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “มาที่วังกับเราเถิด มารับประทานอะไรด้วยกัน แล้วเราจะให้รางวัลท่าน”

8. แต่คนของพระเจ้าทูลกษัตริย์ว่า “แม้ฝ่าพระบาทจะประทานราชสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ข้าพระบาทก็จะไม่ไปกับฝ่าพระบาท ทั้งจะไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำในสถานที่นี้

9. เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสบัญชาข้าพเจ้าว่า ‘ห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ หรือกลับไปตามเส้นทางที่มา’”

10. แล้วเขาจึงกลับไปอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่เส้นทางเดียวกับที่มายังเบธเอล

11. มีผู้เผยพระวจนะชราผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล ลูกๆ ของเขากลับมาบ้านและเล่าทุกสิ่งที่คนของพระเจ้าได้ทำที่เบธเอลในวันนั้น และสิ่งที่เขาทูลกษัตริย์

12. บิดาของพวกเขาถามว่า “เขาไปทางไหน?” ลูกๆ จึงบอกเส้นทางที่คนของพระเจ้าจากยูดาห์เดินทางไป

13. ดังนั้นเขาจึงบอกลูกๆ ว่า “ผูกอานลาให้ที” และเมื่อพวกลูกๆ ผูกอานลาให้เสร็จแล้ว เขาก็ขี่ไป

14. และตามคนของพระเจ้าไปทันขณะที่เขานั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊ก จึงเข้าไปถามว่า “ท่านคือคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์หรือ?”เขาตอบว่า “ถูกแล้ว”

15. ผู้เผยพระวจนะชราจึงพูดกับเขาว่า “เชิญมารับประทานอาหารกับข้าพเจ้าที่บ้าน”

16. คนของพระเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจกลับไปกับท่าน หรือกินดื่มกับท่านที่นี่

17. พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งห้ามว่า ‘เจ้าจงอย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่นั่น และอย่ากลับไปเส้นทางเดิม’ ”

18. แต่ผู้เผยพระวจนะชรานั้นตอบว่า “เราก็เป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนกัน และทูตสวรรค์องค์หนึ่งแจ้งพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าแก่เราว่า ‘ให้พาเขากลับมาที่บ้านของเจ้าเพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำ’” (แต่ผู้เผยพระวจนะชราโกหกเขา)

19. ดังนั้นคนของพระเจ้าจึงกลับไปกับผู้เผยพระวจนะชราและกินดื่มในบ้านของเขา

20. ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่โต๊ะ มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะชราซึ่งพาเขากลับมา

21. เขาก็กล่าวกับคนของพระเจ้าซึ่งมาจากยูดาห์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าได้ฝ่าฝืนคำตรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ทำตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

22. เจ้ากลับมากินดื่มในสถานที่ซึ่งพระองค์ตรัสห้ามไว้ ฉะนั้นร่างของเจ้าจะไม่ได้ถูกฝังในอุโมงค์ของบรรพบุรุษ’ ”

23. เมื่อคนของพระเจ้ากินดื่มเสร็จแล้ว ผู้เผยพระวจนะซึ่งพาเขากลับมาก็ส่งเขาขึ้นลากลับไป

24. ระหว่างทางมีสิงโตออกมาฆ่าเขา ร่างของเขาถูกทิ้งไว้กลางทาง มีลาและสิงโตยืนอยู่ข้างๆ

25. คนที่ผ่านไปมาเห็นศพทิ้งอยู่กลางทาง มีสิงโตยืนอยู่ข้างๆ ก็ไปแจ้งข่าวในเมืองซึ่งผู้เผยพระวจนะชราอาศัยอยู่

26. เมื่อผู้เผยพระวจนะที่พาเขากลับมาได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็กล่าวว่า “นี่แหละคนของพระเจ้าที่ฝ่าฝืนพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงให้สิงโตมาฉีกทึ้งเขาจนสิ้นชีวิตตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเตือนไว้”

27. จากนั้นเขาก็สั่งลูกๆ ว่า “ผูกอานลาให้ที” พวกลูกๆ ก็ปฏิบัติตาม

28. เขามาพบร่างที่ถูกทิ้งอยู่กลางทาง ลาและสิงโตยังยืนอยู่ข้างๆ สิงโตไม่ได้กินร่างนั้น ทั้งไม่ได้ฉีกทึ้งลา

29. ผู้เผยพระวจนะจึงเอาร่างคนของพระเจ้าพาดบนลาตัวนั้น และนำกลับมายังเมืองของตน เพื่อไว้อาลัยและฝัง

30. เขาวางศพไว้ในอุโมงค์ฝังศพที่เตรียมไว้สำหรับเขาเองและคร่ำครวญว่า “อนิจจา น้องชายเอ๋ย!”

31. หลังจากฝังศพแล้ว เขากล่าวกับลูกๆ ว่า “เมื่อพ่อตาย จงฝังพ่อไว้ในอุโมงค์ฝังศพเดียวกับที่ฝังคนของพระเจ้า ให้กระดูกของพ่ออยู่เคียงข้างกระดูกของเขา

32. เพราะถ้อยคำที่เขาประกาศไว้โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับแท่นบูชาในเบธเอลและสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายในเมืองต่างๆ ของสะมาเรียจะเป็นจริงอย่างแน่นอน”

33. ถึงเพียงนี้แล้วเยโรโบอัมก็ยังไม่ทรงหันเหจากวิถีอันชั่วร้ายของพระองค์ กลับตั้งปุโรหิตจากคนทุกประเภทสำหรับสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย ใครที่อยากเป็นปุโรหิตก็ทรงแต่งตั้งสำหรับสถานบูชาบนที่สูงเหล่านั้น

34. นี่เป็นบาปของราชวงศ์เยโรโบอัม ซึ่งนำราชวงศ์ไปสู่ความเสื่อมถอยและล่มสลายไปจากแผ่นดินโลก