4. ทั้งนี้เป็นจริงตามที่กล่าวไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า
5. “จงบอกธิดาแห่งศิโยนว่า‘ดูเถิด กษัตริย์ของเจ้าเสด็จมาหาเจ้าทรงอ่อนโยน ประทับมาบนหลังลาทรงลูกลาเสด็จมา’ ”
6. สาวกทั้งสองก็ไปทำตามที่พระเยซูบัญชา
7. พวกเขานำแม่ลากับลูกลามา เอาเสื้อคลุมของตนปูบนหลังลาเหล่านั้นให้พระเยซูประทับ
8. ฝูงชนเป็นอันมากเอาเสื้อคลุมปูบนทาง บางคนก็ตัดกิ่งไม้มาปูบนถนน
9. ฝูงชนทั้งที่นำเสด็จและตามเสด็จโห่ร้องว่า“โฮซันนาแด่บุตรดาวิด!“สรรเสริญพระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า!”“โฮซันนาในที่สูงสุด!”
10. เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็ม ทั่วทั้งกรุงแตกตื่นถามกันว่า “คนนี้คือใคร?”
11. ประชาชนตอบว่า “นี่คือพระเยซู ผู้เผยพระวจนะจากนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี”
12. พระเยซูเสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหารและทรงขับไล่บรรดาผู้ที่ซื้อขายของกันที่นั่น ทรงคว่ำโต๊ะของผู้รับแลกเงินและม้านั่งของคนขายนกพิราบ
13. พระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “มีคำเขียนไว้ว่า ‘นิเวศของเราจะได้ชื่อว่านิเวศแห่งการอธิษฐาน’ แต่พวกเจ้ามาทำให้กลายเป็น ‘ซ่องโจร’
14. คนตาบอดและคนง่อยพากันมาเข้าเฝ้าพระเยซูที่พระวิหารและพระองค์ทรงรักษาพวกเขา
15. แต่เมื่อพวกหัวหน้าปุโรหิตและธรรมาจารย์เห็นการอัศจรรย์ต่างๆ ที่ทรงกระทำและที่พวกเด็กๆ ร้องตะโกนในเขตพระวิหารว่า “โฮซันนาแด่บุตรดาวิด” ก็พากันไม่พอใจ
16. พวกเขาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านไม่ได้ยินสิ่งที่เด็กๆ เหล่านี้กำลังพูดกันหรือ?”พระเยซูตรัสว่า “ได้ยินสิ พวกท่านไม่เคยอ่านพบบ้างหรือ? ที่ว่า“ ‘พระองค์ทรงสถาปนาคำสรรเสริญจากริมฝีปากของเด็กและทารก’”
17. แล้วพระองค์ทรงละจากพวกเขาเสด็จออกจากกรุงไปยังหมู่บ้านเบธานีและประทับแรมที่นั่น
18. ตอนเช้าขณะกำลังเสด็จกลับมาที่กรุงอีก พระองค์ทรงหิว
19. เมื่อทรงเห็นต้นมะเดื่ออยู่ริมทางก็ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ แต่พบว่ามะเดื่อต้นนั้นมีแต่ใบไม่มีผลจึงตรัสว่า “เจ้าอย่าได้ออกผลอีกเลย!” ทันใดนั้นต้นมะเดื่อก็เหี่ยวเฉาไป
20. เมื่อเหล่าสาวกเห็นเช่นนั้นก็ประหลาดใจแล้วพูดว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่ต้นมะเดื่อเหี่ยวเฉาไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้”