พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

เอสเธอร์ 8:1-11 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

1. ในวันนั้นเองกษัตริย์เซอร์ซีสประทานทรัพย์สมบัติของฮามานศัตรูของชาวยิวแก่พระนางเอสเธอร์ และโมรเดคัยมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ เนื่องจากเอสเธอร์ได้กราบทูลว่าโมรเดคัยเกี่ยวข้องกับพระนางอย่างไร

2. กษัตริย์ทรงถอดแหวนตราซึ่งริบคืนมาจากฮามานประทานแก่โมรเดคัย และเอสเธอร์ทรงแต่งตั้งโมรเดคัยให้มีสิทธิ์เหนือทรัพย์สมบัติของฮามาน

3. ขณะนั้นเอสเธอร์มาเข้าเฝ้ากษัตริย์อีกครั้งหนึ่ง หมอบลงแทบพระบาทและทูลวิงวอนด้วยน้ำพระเนตรไหล ให้กษัตริย์ทรงโปรดระงับแผนการร้ายต่อชาวยิวของฮามานชาวอากัก

4. แล้วกษัตริย์ทรงยื่นคทาทองคำแก่เอสเธอร์ พระนางจึงทรงยืนขึ้นต่อหน้าพระองค์

5. พระนางทูลว่า “หากเป็นที่พอพระทัยของฝ่าพระบาท และหากฝ่าพระบาททรงโปรดปรานหม่อมฉัน และทรงเห็นควรที่จะกระทำสิ่งนี้ และถ้าฝ่าพระบาทพอพระทัยหม่อมฉัน ขอให้มีพระราชสาส์นออกไปล้มล้างคำสั่งของฮามานบุตรฮัมเมดาธาชาวอากัก ที่วางแผนทำลายชาวยิวในทุกมณฑลของฝ่าพระบาท

6. เพราะหม่อมฉันจะทนดูความหายนะของพี่น้องร่วมชาติ และความย่อยยับของครอบครัวของหม่อมฉันได้อย่างไร?”

7. กษัตริย์เซอร์ซีสจึงตรัสกับราชินีเอสเธอร์และโมรเดคัยชาวยิวว่า “เราได้ยกทรัพย์สมบัติของฮามานให้เอสเธอร์แล้ว และเขาก็ถูกแขวนบนตะแลงแกง เพราะพยายามทำลายล้างชาวยิว

8. บัดนี้จงร่างกฤษฎีกาอีกฉบับสำหรับชาวยิวทั้งปวงตามที่เจ้าเห็นดีที่สุด ลงนามของเราและประทับด้วยแหวนตรา เพราะกฤษฎีกาที่ลงนามกษัตริย์และประทับด้วยแหวนตราจะยกเลิกไม่ได้”

9. บรรดาอาลักษณ์หลวงถูกเรียกตัวเข้ามาทันทีในวันที่ยี่สิบสามเดือนสิวัน ซึ่งเป็นเดือนที่สาม พวกเขาเขียนกฤษฎีกาตามคำสั่งทั้งหมดของโมรเดคัย ถึงชาวยิว เจ้าหน้าที่ ผู้ว่าการ และขุนนางทั้งปวงของ 127 มณฑลจากอินเดียจดคูชโดยใช้ภาษาต่างๆ ของทุกเผ่าพันธุ์ทั่วจักรวรรดิ และถึงชาวยิวโดยใช้ภาษาของชาวยิวเองด้วย

10. โมรเดคัยร่างข้อความลงพระนามกษัตริย์เซอร์ซีส ประทับด้วยแหวนตรา และให้ผู้ส่งสาส์นขี่ม้าพันธุ์ดีของกษัตริย์ถือพระราชสาส์นไป

11. พระราชโองการนี้อนุญาตให้ชาวยิวทุกเมืองมีสิทธิ์รวมตัวกันเพื่อปกป้องชีวิตและครอบครัวของตน ให้ฆ่าทำลายล้างกองกำลังติดอาวุธของชนชาติหรือมณฑลใดๆ ก็ตามที่จะมาโจมตีพวกเขา ผู้หญิง และลูกหลานของเขา และให้ยึดทรัพย์สมบัติของศัตรูเหล่านั้นได้

อ่านบทที่สมบูรณ์ เอสเธอร์ 8