บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12
  13. 13
  14. 14
  15. 15
  16. 16
  17. 17
  18. 18
  19. 19
  20. 20
  21. 21
  22. 22
  23. 23
  24. 24
  25. 25
  26. 26
  27. 27
  28. 28
  29. 29
  30. 30
  31. 31
  32. 32
  33. 33
  34. 34
  35. 35
  36. 36

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

กันดารวิถี 15 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

เครื่องบูชาเพิ่มเติม

1. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2. “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าเข้าสู่ดินแดนซึ่งเรายกให้เป็นที่อาศัยนั้น

3. และเจ้านำเครื่องบูชาจากฝูงแพะแกะหรือฝูงวัวมาเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย ไม่ว่าเครื่องเผาบูชาหรือของถวายต่างๆ ตามที่ปฏิญาณพิเศษจะถวายหรือถวายตามความสมัครใจ หรือของถวายประจำเทศกาล

4. ให้ผู้ถวายนำเครื่องธัญบูชามาด้วยคือ แป้งละเอียดประมาณ 2 ลิตรเคล้ากับน้ำมันประมาณ 1 ลิตร

5. จงเตรียมเหล้าองุ่นประมาณ 1 ลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชาควบคู่กับลูกแกะที่ถวายหรือเผาบูชาหนึ่งตัว

6. “ ‘หากถวายแกะผู้ จงใช้ธัญบูชาคือแป้งละเอียดประมาณ 4.5 ลิตรเคล้ากับน้ำมันประมาณ 1.2 ลิตร

7. พร้อมด้วยเหล้าองุ่นประมาณ 1.2 ลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชา จงถวายเป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

8. “ ‘เมื่อเจ้าเตรียมวัวหนุ่มเป็นเครื่องเผาบูชาหรือของถวายตามที่ปฏิญาณไว้เป็นพิเศษหรือเป็นเครื่องสันติบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

9. จงนำธัญบูชาควบคู่กับวัวนั้นมาด้วย คือแป้งละเอียดประมาณ 6.5 ลิตรเคล้าน้ำมันประมาณ 2 ลิตร

10. พร้อมทั้งเหล้าองุ่นประมาณ 2 ลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชา จะเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

11. จงจัดเตรียมวัวหนุ่ม แกะผู้ ลูกแกะ หรือลูกแพะแต่ละตัวในลักษณะนี้

12. จงทำอย่างนี้สำหรับเครื่องบูชาแต่ละอย่างตามจำนวนที่เจ้าได้เตรียมไว้

13. “ ‘คนอิสราเอลโดยกำเนิดทุกคนต้องปฏิบัติตามนี้ เมื่อนำเครื่องบูชามาเพื่อเผาถวายเป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

14. เมื่อใดก็ตามที่คนต่างด้าวหรือใครอื่นที่มาอาศัยในหมู่พวกเจ้า นำเครื่องบูชาด้วยไฟมาถวายเป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย เขาจะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับพวกเจ้าทุกประการสืบไปทุกชั่วอายุ

15. ชุมชนนี้จะต้องมีกฎเกณฑ์เดียวกันทั้งสำหรับเจ้าและสำหรับคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้า นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุ เจ้าและคนต่างด้าวเป็นเหมือนกันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

16. ทั้งเจ้าและคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้าจะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติและระเบียบเดียวกัน’ ”

17. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

18. “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าเข้าไปดินแดนที่เรากำลังนำเจ้าไป

19. และเจ้ารับประทานอาหารจากดินแดนนั้น จงถวายส่วนหนึ่งเป็นเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

20. จงนำขนมชิ้นหนึ่งซึ่งทำจากธัญญาหารรุ่นแรกของเจ้ามาถวายเป็นของถวายจากลานนวดข้าว

21. จงถวายเครื่องบูชาจากธัญญาหารรุ่นแรกสุดของเจ้านี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดทุกชั่วอายุสืบไป

เครื่องบูชาสำหรับบาปโดยไม่เจตนา

22. “ ‘หากเจ้าทั้งหลายพลาดพลั้งโดยไม่เจตนา ไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาเหล่านี้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานผ่านทางโมเสส

23. หากลูกหลานของเจ้าในรุ่นต่อๆ ไปไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาใดๆ เหล่านี้

24. และหากเป็นความผิดโดยไม่เจตนาและชุมชนไม่รู้ตัว ชุมชนทั้งหมดจะต้องถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย พร้อมด้วยเครื่องธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาควบคู่ตามที่ระบุไว้ และถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป

25. ปุโรหิตจะทำการลบบาปสำหรับชุมชนอิสราเอลทั้งหมด และพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษเพราะทำผิดไปโดยไม่เจตนา และเขาได้นำเครื่องบูชาด้วยไฟและเครื่องบูชาไถ่บาปถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อไถ่ความผิดของเขาแล้ว

26. ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดตลอดจนคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ เพราะประชากรทั้งหมดมีส่วนในความผิดโดยไม่เจตนานั้น

27. “ ‘แต่หากคนเพียงคนเดียวทำบาปโดยไม่เจตนา เขาต้องถวายแพะตัวเมียอายุหนึ่งขวบเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป

28. ปุโรหิตจะลบบาปให้ผู้นั้นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและเขาจะได้รับการอภัย

29. บทบัญญัติเดียวกันนี้ใช้กับทุกคนที่ทำบาปโดยไม่เจตนา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอิสราเอลโดยกำเนิดหรือคนต่างด้าว

30. “ ‘แต่หากผู้ใดจงใจทำบาป ไม่ว่าจะเป็นคนอิสราเอลโดยกำเนิดหรือคนต่างด้าว เป็นการหมิ่นประมาทองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นั้นจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา

31. เพราะเขาได้ลบหลู่พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาและฝ่าฝืนพระบัญชา ผู้นั้นจะต้องถูกตัดออก ความผิดนั้นยังคงอยู่กับเขาต่อไป’ ”

ผู้ที่ละเมิดกฎวันสะบาโตต้องโทษถึงตาย

32. ขณะที่ชนอิสราเอลอยู่ในถิ่นกันดาร ชายคนหนึ่งถูกจับได้ในขณะเก็บฟืนในวันสะบาโต

33. คนที่พบเขากำลังเก็บฟืนจึงได้นำตัวเขามาพบโมเสส อาโรน และชุมนุมประชากรทั้งหมด

34. เขาถูกคุมตัวไว้เพราะยังไม่รู้ชัดเจนว่าควรจัดการกับเขาอย่างไร

35. แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ชายคนนั้นมีโทษถึงตาย ชุมนุมประชากรทั้งปวงต้องเอาหินขว้างเขานอกค่ายพัก”

36. เขาทั้งปวงจึงพาคนนั้นออกไปนอกค่าย และเอาหินขว้างจนตายตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส

พู่ห้อยชายเสื้อ

37. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

38. “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘ตลอดทุกชั่วอายุ เจ้าจะต้องทำพู่ และร้อยพู่แต่ละอันด้วยด้ายสีน้ำเงินห้อยที่มุมชายเสื้อ

39. พู่เหล่านั้นจะเตือนให้เจ้าระลึกถึงพระบัญชาทั้งสิ้นขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเจ้าจะได้เชื่อฟัง และไม่ทำตัวแพศยาโดยทำตามตัณหาของใจและตาของเจ้า

40. แล้วเจ้าจะจำได้ว่าต้องทำตามคำบัญชาทั้งหมดของเรา และจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ต่อพระเจ้าของเจ้า

41. เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’ ”