6. แล้วมารก็ท้าพระเยซูว่า “ถ้าเป็นลูกพระเจ้าจริง ก็กระโดดลงไปเลย เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า‘พระเจ้าจะสั่งให้ทูตของพระองค์คุ้มครองคุณและเหล่าทูตสวรรค์ก็จะรับคุณไว้เพื่อไม่ให้เท้าของคุณ กระแทกหิน’” (สดุดี 91:11-12)
7. พระเยซูตอบมารว่า “แต่พระคัมภีร์ก็เขียนไว้เหมือนกันว่า ‘อย่าได้ลองดีกับองค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของเจ้า’”
8. อีกครั้งหนึ่ง มารนำพระเยซูไปที่ภูเขาที่สูงที่สุด เพื่อพระองค์จะได้เห็นอาณาจักรในโลกทั้งหมดและความเจริญรุ่งเรืองของพวกมัน
9. แล้วมารก็ท้าพระเยซูว่า “ถ้ากราบนมัสการเรา เราก็จะยกทั้งหมดที่เห็นนี้ให้”
10. พระเยซูจึงตอบว่า “ไปให้พ้น ไอ้ซาตาน เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า‘เจ้าจะต้องกราบนมัสการองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้าและรับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียว’” (เฉลยธรรมบัญญัติ 6:13)
11. มารจึงไปจากพระองค์ และเหล่าทูตสวรรค์ก็มารับใช้พระองค์
12. เมื่อพระเยซูได้ข่าวว่ายอห์นถูกจับขังคุก พระองค์กลับไปที่แคว้นกาลิลี
13. แล้วย้ายจากเมืองนาซาเร็ธ ไปอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม ที่อยู่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลีในเขตแดนเศบูลุนและ นัฟทาลี
14. เพื่อให้เป็นไปตามที่อิสยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้พูดว่า
15. “ดินแดนเศบูลุน และดินแดนนัฟทาลีที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนคือแคว้นกาลิลีซึ่งเป็นที่อยู่ของคนที่ไม่ใช่ยิว
16. คนที่นั่งอยู่ในความมืดได้เห็นแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่แสงสว่างก็ได้ส่องมาถึงคนที่อยู่ในดินแดนใต้เงาแห่งความตายนั้นแล้ว” (อิสยาห์ 9:1-2)
17. ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูได้เริ่มประกาศว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว”
18. วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูกำลังเดินอยู่ริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์มองเห็นพี่น้องสองคนคือ ซีโมนที่คนเรียกว่า เปโตร และอันดรูว์น้องชายของเขา กำลังเหวี่ยงแหจับปลากันอยู่ เพราะพวกเขาเป็นชาวประมง