บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12
  13. 13
  14. 14
  15. 15
  16. 16
  17. 17
  18. 18
  19. 19
  20. 20
  21. 21
  22. 22
  23. 23
  24. 24
  25. 25
  26. 26
  27. 27
  28. 28

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

มัท‌ธิว 13 ฉบับ1971 (TH1971)

คำ​อุป‌มา​เรื่อง​ผู้‍หว่าน​พืช

1. ใน​วัน​นั้น​พระ‍เยซู​ก็​เสด็จ​จาก​เรือน​ไป​ประ‌ทับ​ที่​ชาย‍ทะเล​สาบ

2. มี​คน​พา​กัน​มา​หา​พระ‍องค์​มาก​นัก พระ‍องค์​จึง​เสด็จ​ลง​ไป​ประ‌ทับ​ใน​เรือและ​บรร‌ดา​คน​เหล่า​นั้น​ก็​ยืน​อยู่​บน‍ฝั่ง

3. แล้ว​พระ‍องค์​ก็​ตรัส​กับ​เขา​หลาย​ประ‌การ​เป็น​คำ​อุป‌มา เป็น‍ต้น​ว่า “ดู‍เถิด มี​คน‍หนึ่ง​ออก​ไป​หว่าน​พืช

4. และ​เมื่อ​เขา​หว่าน เมล็ด​พืช​ก็​ตก​ตาม​หน‍ทาง​บ้าง แล้ว​นก​ก็​มา​กิน​เสีย

5. บ้าง​ก็​ตก​ใน​ที่​ซึ่ง​มี​พื้น‍หิน มี​เนื้อ‍ดิน​แต่​น้อย จึง​งอก‍ขึ้น​โดย​เร็ว​เพราะ​ดิน​ไม่​ลึก

6. แต่​เมื่อ​แดด‍จัด​แดด​ก็​แผด‍เผา เพราะ​ราก​ไม่​มี​จึง​เหี่ยว​ไป

7. บ้าง​ก็​ตก​กลาง​ต้น‍หนาม ต้น‍หนาม​ก็​งอก‍ขึ้น​ปก‍คลุม​เสีย

8. บ้าง​ก็​ตก​ที่​ดิน​ดี แล้ว​เกิด‍ผล​ร้อย​เท่า​บ้าง หก‍สิบ​เท่า​บ้าง สาม‍สิบ​เท่า​บ้าง

9. ใคร​มี​หู​จง​ฟัง​เถิด”

จุด​มุ่ง‍หมาย​ของ​คำ​อุป‌มา

10. ฝ่าย​พวก​สา‌วก​จึง​มา​ทูล​พระ‍องค์​ว่า “เหตุ​ไฉน​พระ‍องค์​ตรัส​กับ​เขา​เป็น​คำ​อุป‌มา”

11. พระ‍องค์​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “ข้อ‍ความ​ลับ‍ลึก​แห่ง​แผ่น‍ดิน​สวรรค์ ทรง​โปรด​ให้​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​รู้​ได้ แต่​คน​เหล่า​นั้น ไม่​โปรด​ให้​รู้

12. ด้วย‍ว่า​ผู้‍ใด​มี‍อยู่​แล้ว จะ​เพิ่ม‍เติม​ให้​คน​ผู้​นั้น​มี​เหลือ‍เฟือ แต่​ผู้​ที่​ไม่‍มี​นั้น แม้​ว่า​ซึ่ง​เขา​มี‍อยู่​จะ​ต้อง​เอา​ไป​จาก​เขา

13. เหตุ​ฉะนั้น เรา​จึง​กล่าว​แก่​เขา​เป็น​คำ​อุป‌มา เพราะ​ว่า​ถึง​เขา​เห็น​ก็​เหมือน​ไม่​เห็น ถึง​ได้​ยิน​ก็​เหมือน​ไม่​ได้​ยิน​และ​ไม่​เข้า‍ใจ

14. ความ​เป็น​อยู่​ของ​เขา​ก็​ตรง​ตาม​คำ‍พยา‌กรณ์​ของ​อิส‌ยาห์ ที่​ว่า พวก‍เจ้า​จะ​ได้​ยิน​กับ​หู​ก็​จริง​แต่​จะ​ไม่​เข้า‍ใจ จะ​ดู​ก็​จริง แต่​จะ​ไม่​เห็น

15. เพราะ‍ว่า​ชน‍ชาติ​นี้​กลาย​เป็น​คน​มี​ใจ​เฉื่อย‍ชา หู​ก็​ตึง และ​ตา​เขา เขา​ก็​ปิด มิ​ฉะนั้น​เขา​จะ​เห็น​ด้วย​ตา และ​จะ​ได้​ยิน​ด้วย​หู และ​จะ​ได้​เข้า‍ใจ​ด้วย​จิต‍ใจ แล้ว​จะ​หัน‍กลับ​มา และ​เรา​จะ​ได้​รัก‌ษา​เขา​ให้​หาย

16. “แต่​นัยน์ตา​ของ​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ก็​เป็น​สุข​เพราะ​ได้​เห็น และ​หู​ของ​ท่าน​ก็​เป็น​สุข​เพราะ​ได้​ยิน

17. เรา​บอก​ความ‍จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ว่า ผู้​เผย​พระ‍วจนะ​และ​ผู้​ชอบ‍ธรรม​เป็น​อัน​มาก ได้​ปรารถ‌นา​จะ​เห็น​ซึ่ง​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​เห็น​อยู่​นี้ แต่​เขา​มิ​เคย​ได้​เห็น และ​อยาก​จะ​ได้​ยิน​ซึ่ง​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ได้​ยิน แต่​เขา​ก็​มิ​เคย​ได้​ยิน

พระ‍เยซู​ทรง​อธิ‌บาย​คำ​อุป‌มา​เรื่อง​หว่าน​พืช

18. “เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​จง​ฟัง​คำ​อุป‌มา​ว่า​ด้วย​ผู้‍หว่าน​พืช​นั้น

19. เมื่อ​ผู้​ใด​ได้​ยิน​คำ​บอก​เล่า​เรื่อง​แผ่น‍ดิน​พระ‍เจ้า​แต่​ไม่​เข้า‍ใจ มาร‍ร้าย​ก็​มา​ฉวย​เอา​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ใน​ใจ​เขา​นั้น​ไป​เสีย นั่น​แหละ​ได้​แก่​เมล็ด​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ตก​ริม​หน‍ทาง

20. และ​เมล็ด​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ตก​ใน​ที่​ดิน​ซึ่ง​มี​พื้น​หิน​นั้น ได้​แก่​บุค‌คล​ที่​ได้​ยิน​พระ‍วจนะ แล้ว​ก็​รับ​ทันที​ด้วย​ความ​ปรีดี

21. แต่​ไม่​ฝัง​ลึก​ใน‍ตัว​จึง​ทน​อยู่​ชั่ว‍คราว และ​เมื่อ​เกิด​การ​ยาก‍ลำ‌บาก หรือ​การ​ข่ม‍เหง​ต่างๆ เพราะ​พระ‍วจนะ​นั้น เขา​ก็​เลิก​เสีย​ใน​ทันที​ทัน‍ใด

22. และ​พืช​ซึ่ง​หว่าน​กลาง‍หนาม​นั้น ได้​แก่​บุค‌คล​ที่​ได้​ฟัง​พระ‍วจนะ แล้ว​ความ​กัง‌วล​ตาม​ธรรม‌ดา​โลก และ​ความ​ลุ่ม‍หลง​ใน​ทรัพย์​สม‌บัติ​รัด​พระ‍วจนะ​นั้น​เสีย จึง​ไม่​เกิด‍ผล

23. ส่วน​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ตก​ใน​ดิน​ดี​นั้น ได้​แก่​บุค‌คล​ที่​ได้​ยิน​พระ‍วจนะ​นั้น​และ​เข้า‍ใจ คน​นั้น​ก็​เกิด​ผล​ร้อย​เท่า​บ้าง หก‍สิบ​เท่า​บ้าง สาม‍สิบ​เท่า​บ้าง”

คำ​อุป‌มา​เรื่อง​ข้าว​ละมาน​ท่าม‍กลาง​ต้น‍ข้าว​สาลี

24. พระ‍องค์​ตรัส​คำ​อุป‌มา​อีก​ข้อ‍หนึ่ง​ให้​เขา​ทั้ง‍หลาย​ฟัง​ว่า “แผ่น‍ดิน​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน คน​หนึ่ง​ได้​หว่าน​พืช​ดี​ใน​นา​ของ​ตน

25. แต่​เมื่อ​คน​ทั้ง‍หลาย​นอน‍หลับ​อยู่ ศัตรู​ของ​คน​นั้น​มา​หว่าน​ข้าว‍ละ‌มาน​ปน​กับ​ข้าว‍ดี​นั้น​ไว้​แล้ว​ก็​หลบ​ไป

26. ครั้น​ต้น‍ข้าว​นั้น​งอก‍ขึ้น​ออก‍รวง​แล้ว ข้าว​ละมาน​ก็​ขึ้น​ปรา‌กฏ​ด้วย

27. ทาส​แห่ง​เจ้า‍บ้าน​จึง​มา​แจ้ง​แก่​นาย​ว่า ‘นาย​เจ้า‍ข้า ท่าน​ได้​หว่าน​พืช​ดี​ไว้​ใน​นา​ของ​ท่าน​มิ​ใช่​หรือ แต่​มี​ข้าว​ละมาน​มา​จาก​ไหน’

28. นาย​ก็​ตอบ​ว่า ‘นี่​เป็น​การ​กระ‌ทำ​ของ​ศัตรู’ พวก‍ทาส​จึง​ถาม​ว่า ‘ท่าน​ปรารถ‌นา​จะ​ให้​พวก​เรา​ไป​ถอน​และ​เก็บ​ข้าว‍ละ‌มาน​หรือ’

29. แต่​นาย​ตอบ​ว่า ‘อย่า​เลย​เกลือก‍ว่า เมื่อ​กำ‌ลัง​ถอน​ข้าว‍ละ‌มาน​จะ​ถอน​ข้าว​ดี​ด้วย

30. ให้​ทั้ง​สอง​จำ‌เริญ​ไป​ด้วย​กัน​จน‍ถึง​ฤดู​เกี่ยว และ​ใน​เวลา​เกี่ยว​นั้น​เรา​จะ​สั่ง​ผู้​เกี่ยว​ว่า ‘จง​เก็บ​ข้าว‍ละ‌มาน​ก่อน มัด​เป็น​ฟ่อน​เผา​ไฟ​เสีย แต่​ข้าว​ดี​นั้น​จง​เก็บ​ไว้​ใน​ยุ้ง‍ฉาง​ของ​เรา’ ”

คำ​อุป‌มา​เรื่อง​เมล็ด​พืช

31. พระ‍องค์​ยัง​ตรัส​คำ​อุป‌มา​อีก​ข้อ‍หนึ่ง​ให้​เขา​ฟัง‍ว่า “แผ่น‍ดิน​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน​เมล็ด​พืชเมล็ด​หนึ่ง ซึ่ง​คน​หนึ่ง​เอา​ไป​เพาะ​ลง​ใน​ไร่​ของ​ตน

32. เมล็ด​นั้น​เล็ก‍กว่า​เมล็ด​ทั้ง‍ปวง แต่​เมื่อ​งอก‍ขึ้น​แล้ว​ก็​ใหญ่‍กว่า​ผัก​อื่น และ​จำ‌เริญ​เป็น​ต้น‍ไม้​จน​นก​ใน​อา‌กาศ​มา​ทำ‍รัง​อา‌ศัย​อยู่​ตาม​กิ่ง​ก้าน​ของ​ต้น​นั้น​ได้”

คำ​อุป‌มา​เรื่อง​เชื้อ​ขนม

33. พระ‍องค์​ยัง​ตรัส​คำ​อุป‌มา​ให้​เขา​ฟัง​อีก​ข้อ‍หนึ่ง​ว่า “แผ่น‍ดิน​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน​เชื้อ ซึ่ง​ผู้หญิง​คน‍หนึ่ง​เอา​มา​เจือ​ลง​ใน​แป้ง​สาม​ถัง จน​แป้ง​นั้น​ฟู​ขึ้น​ทั้ง‍หมด”

การ​ที่​พระ‍เยซู​ทรง​ใช้​คำ​อุป‌มา

34. ข้อ​ความ​เหล่า​นี้​ทั้ง‍สิ้น พระ‍องค์​ตรัส​กับ​หมู่‍ชน​เป็น​คำ​อุป‌มา และ​นอก‍จาก​คำ​อุป‌มา พระ‍องค์​มิ​ได้​ตรัส​กับ​เขา​เลย

35. ทั้ง‍นี้​เพื่อ​จะ​ให้​สำ‌เร็จ​ตาม​พระ‍วจนะ ที่​ตรัส​โดย​ผู้​เผย​พระ‍วจนะ​ว่า เรา​จะ​อ้า​ปาก​กล่าว​คำ​อุป‌มา เรา​จะ​กล่าว​ข้อ‍ความ ซึ่ง​ปิด​ซ่อน​ไว้​ตั้ง​แต่​เดิม​สร้าง​โลก

พระ‍เยซู​ทรง​อธิ‌บาย​คำ​อุป‌มา​เรื่อง​ข้าว‍ละ‌มาน​ท่าม‍กลาง​ต้น‍ข้าว‍สาลี

36. แล้ว​พระ‍เยซู​เสด็จ​ไป‍จาก​คน​เหล่า​นั้น​เข้า​ไป​ใน​เรือน พวก​สา‌วก​มา​เฝ้า​พระ‍องค์​ทูล​ว่า “ขอ​พระ‍องค์​ทรง​โปรด​อธิ‌บาย​ให้​พวก​ข้า‍พระ‍องค์​เข้า‍ใจ​คำ​อุป‌มา​ที่​ว่า​ด้วย​ข้าว‍ละ‌มาน​ใน​นา​นั้น”

37. พระ‍องค์​ตรัส‍ตอบ​เขา​ว่า “ผู้​หว่าน​เมล็ด​พืช​ดี​นั้น​ได้​แก่​บุตร‍มนุษย์

38. และ​นา​นั้น​ได้​แก่​โลก ส่วน​เมล็ด​พืช​ดี​ได้​แก่​พล‍เมือง​แห่ง​แผ่น‍ดิน​ของ​พระ‍เจ้า แต่​ข้าว‍ละ‌มาน​ได้​แก่​พล‍เมือง​ของ​มาร‍ร้าย

39. ศัตรู​ผู้​หว่าน​เมล็ด​พืช​ชั่ว​ได้​แก่​มาร​นั้น ฤดู​เกี่ยว​ได้​แก่​เวลา​สิ้น​ยุค และ​ผู้​เกี่ยว​นั้น​ได้​แก่​ทูต‍สวรรค์

40. เหตุ​ฉะนั้น​เขา​เก็บ​ข้าว‍ละ‌มาน​เผา​ไฟ​เสีย​อย่าง‍ไร เมื่อ​เวลา​สิ้น​ยุค​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น

41. บุตร​มนุษย์​จะ​ใช้​ทูต​ของ​ท่าน​ออก​ไป​เก็บ​กวาด​ทุก​สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​หลง‍ผิด และ​บรร‌ดา​ผู้​ที่​กระ‌ทำ​ชั่ว​ไป‍จาก​แผ่น‍ดิน​ของ​ท่าน

42. และ​จะ​ทิ้ง​ลง​ใน​เตา‍ไฟ​อัน​ลุก‍โพลง ที่‍นั่น​จะ​มี​การ​ร้อง‍ไห้​ขบ‍เขี้ยว‍เคี้ยว‍ฟัน

43. คราว‍นั้น​ผู้​ชอบ‍ธรรม​จะ​ส่อง‍แสง​อยู่​ใน​แผ่น‍ดิน​พระ‍บิดา​ของ​เขา​ดุจ​ดวง‍อา‌ทิตย์ ใคร​มี​หู​จง​ฟัง​เถิด

ขุม‍ทรัพย์​ที่​ซ่อน​อยู่

44. “แผ่น​ดิน​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน​ขุม‍ทรัพย์​ซ่อน​ไว้​ใน​ทุ่ง‍นา เมื่อ​มี​ผู้​ได้​พบ​แล้ว​ก็​กลับ​ซ่อน​เสีย​อีก และ​เพราะ​ความ​ปรีดี​จึง​ไป​ขาย​สรรพ‍สิ่ง​ซึ่ง​เขา​มี​อยู่​แล้ว​ไป​ซื้อ​นา​นั้น

ไข่‍มุก​ที่​มี​รา‌คา​มาก

45. “อีก​ประ‌การ​หนึ่ง แผ่น‍ดิน​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน​พ่อ‍ค้า​ที่​ไป‍หา​ไข่‍มุก​อย่าง​ดี

46. และ​เมื่อ​ได้​พบ​ไข่‍มุก​เม็ด‍หนึ่ง​มี​ค่า​มาก ก็​ไป​ขาย​สิ่ง​สาร‌พัด​ซึ่ง​เขา​มี‍อยู่ ไป​ซื้อ​ไข่‍มุก​นั้น

เรื่อง​อวน

47. “อีก​ประ‌การ​หนึ่ง แผ่น‍ดิน​สวรรค์​เปรียบ​เหมือน​อวน​ที่​ลาก​อยู่​ใน​ทะเล ติด​ปลา​รวม​ทุก​ชนิด

48. เมื่อ​เต็ม​แล้ว​เขา​ก็​ลาก​ขึ้น​ฝั่ง นั่ง​เลือก​เอา​แต่​ที่​ดี​ใส่​ตะกร้า แต่​ที่​ไม่​ดี​นั้น​ก็​ทิ้ง​เสีย

49. ใน​เวลา​สิ้น​ยุค​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น พวก​ทูต‍สวรรค์​จะ​ออก​มา​แยก​คน​ชั่ว​ออก​จาก​คน​ชอบ‍ธรรม

50. แล้ว​จะ​ทิ้ง​ลง​ใน​เตา‍ไฟ​อัน​ลุก​โพลง ที่‍นั่น​จะ​มี​การ​ร้อง‍ไห้​ขบ‍เขี้ยว‍เคี้ยว‍ฟัน

ทรัพย์​เก่า​และ​ทรัพย์​ใหม่

51. “ข้อ‍ความ​เหล่า​นี้​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​เข้า‍ใจ​แล้ว​หรือ” เขา​ทูล​ตอบ​พระ‍องค์​ว่า “เข้า‍ใจ​พระ‍เจ้า‍ข้า”

52. ฝ่าย​พระ‍องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เพราะ​ฉะนั้น​พวก​ธรร‌มา‌จารย์​ทุก‍คน ที่​ได้​เรียน‍รู้​ถึง​แผ่น‍ดิน​พระ‍เจ้า​แล้ว ก็​เป็น​เหมือน​เจ้า‍ของ​บ้าน​ที่​เอา​ทั้ง​ของ​ใหม่​และ​ของ​เก่า​ออก‍จาก​คลัง​ของ​ตน”

ที่​นา‌ซา‌เร็ธ​เขา​ไม่​รับ​พระ‍เยซู

53. เมื่อ​พระ‍เยซู​ได้​ตรัส​คำ​เหล่า​นี้​เสร็จ​แล้ว ก็​เสด็จ​ไป‍จาก​ที่​นั่น

54. เมื่อ​เสด็จ​มา​ถึง​ตำ‌บล​บ้าน​ของ​พระ‍องค์​แล้ว ก็​สั่ง‍สอน​ใน​ธรรม​ศา‌ลา​ของ​เขา จน​คน​ทั้ง‍หลาย​ประ‌หลาด​ใจ​แล้ว​พูด​กัน​ว่า “คน‍นี้​มี​สติ‍ปัญ‌ญา​และ​ฤทธิ์​มหัศ‌จรรย์​อย่าง​นี้​มา​จาก​ไหน

55. คน‍นี้​เป็น​ลูก​ช่าง‍ไม้มิ​ใช่​หรือ มี​แม่​ชื่อ​มา‌รีย์ และ​น้อง‍ชาย​ของ​เขา​ชื่อ​ยา‌กอบ โย‌เซฟ ซีโมน และ​ยู‌ดาส​มิ‍ใช่​หรือ

56. และ​น้อง‍สาว​ก็​อยู่​กับ​เรา​มิ​ใช่​หรือ เขา​ได้​สิ่ง​ทั้ง‍ปวง​เหล่า​นี้​มา​จาก​ไหน”

57. เขา​ทั้ง‍หลาย​จึง​หมาง​ใจ​ใน​พระ‍องค์ ฝ่าย​พระ‍เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ผู้​เผย​พระ‍วจนะ​จะ​ไม่​ขาด​ความ​นับ‍ถือ เว้น​แต่​ใน​เมือง​ของ​ตน และ​ใน​วงศ์‍วาน​ของ​ตน”

58. พระ‍องค์​จึง​มิ​ได้​ทรง​กระ‌ทำ​การ​มหัศ‌จรรย์​มาก​ใน​เมือง​นั้น เพราะ​เขา​ไม่‍มี​ความ​เชื่อ