26. ถ้าชายคนนั้นไม่มีญาติมาไถ่ถอนให้ แต่ต่อมาเขาเป็นคนมั่งมี และมีทรัพย์พอที่จะไถ่ถอนได้
27. ให้เขานับปีย้อนกลับไปถึงปีที่เขาขายให้ แล้วจงนับเงินที่ควรจ่ายกลับคืนนั้นให้แก่คนที่ตนขายให้ และตัวก็เข้าอยู่ในที่ดินของเขาได้
28. ถ้าเขาไม่มีทรัพย์พอที่จะไถ่คืน ที่ดินที่เขาได้ขายไปจะคงอยู่ในมือของผู้ซื้อ จนถึงปีเสียงเขาสัตว์ ให้เขาคืนกลับให้เจ้าของในปีเสียงเขาสัตว์นี้ และเจ้าของเดิมจะกลับเข้าอยู่ในที่เดิมของเขาได้
29. “ถ้าผู้ใดขายเรือนซึ่งอยู่ในเมืองที่มีกำแพง เมื่อขายไปแล้วให้เขาไถ่ถอนคืนได้ภายในหนึ่งปีแรก ให้เขามีสิทธิ์ในการไถ่คืนได้หนึ่งปีเต็ม
30. ถ้าในเวลาหนึ่งปีเต็มเขาไม่ทำการไถ่ถอน ก็ให้จัดการเสียให้เป็นการแน่นอนว่าผู้ที่ซื้อ ไปมีสิทธิ์เหนือเรือนที่อยู่ในเมืองที่มีกำแพงนั้นสิทธิ์ขาดแล้ว ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขา ในปีเสียงเขาสัตว์เขาก็ไม่ต้องคืนให้
31. แต่เรือนในชนบทที่ไม่มีกำแพงล้อม ให้นับเข้าเป็นพวกเดียวกับท้องนาในประเทศนั้น คือไถ่ถอนคืนได้ และจะต้องคืนกลับให้เจ้าของ เดิมในปีเสียงเขาสัตว์
32. แต่อย่างไรก็ตาม เมืองของคนเลวี หรือบ้านในเมืองที่เขาถือกรรมสิทธิ์ คนเลวีจะไถ่ถอนคืนได้ทุกเวลา
33. ถ้าคนเลวีคนใดไถ่ถอน10 เรือนนั้น ซึ่งเขาขายไปกับเมืองที่เขาถือกรรมสิทธิ์ ต้องกลับคืนให้เจ้าของเดิมในปีเสียงเขาสัตว์ เพราะเรือนในเมืองของคนเลวี เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาในหมู่คนอิสราเอล
34. แต่ทุ่งนาที่เป็นที่ดินสาธารณะนั้นจะซื้อขายกัน ไม่ได้เพราะว่าเป็นกรรมสิทธิ์ถาวรของเขาทั้งหลาย
35. “ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและเลี้ยงตัวเอง อยู่กับเจ้าไม่ได้ เจ้าจะต้องเลี้ยงดูเขาให้เขาอยู่กับเจ้าอย่าง คนต่างด้าวและคนที่อาศัยอยู่
36. อย่าเอาดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มอะไรจากเขา แต่จงยำเกรงพระเจ้า เพื่อว่าพี่น้องของเจ้าจะอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าได้