43. หัวเมืองของมันกลายเป็นความหวาดเสียวเป็นแผ่นดินที่แห้งแล้งและเป็นทะเลทรายเป็นแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่และไม่มีมนุษย์คนใดข้ามไป
44. และเราจะลงโทษพระเบลในโลนท่านกลืนอะไรเข้าไปแล้ว เราจะเอาออกจากปากท่านเสียบรรดาประชาชาติจะไม่ไหลไปหาท่านอีกเออ กำแพงแห่งบาบิโลนล้มลงแล้ว
45. “ประชากรของเราเอ๋ย จงออกไปเสียจากท่ามกลางมันให้ทุกคนเอาชีวิตของตนรอดจากความพิโรธอันร้อนแรงของพระเจ้าเถิด
46. อย่าให้ใจของเจ้าวิตกและอย่าให้กลัวต่อข่าวซึ่งได้ยินในแผ่นดินนั้นเมื่อมีข่าวมาในปีหนึ่งต่อมาอีกปีหนึ่งก็มีข่าวมาและความทารุณก็มีอยู่ในแผ่นดินและผู้ครอบครองก็ต่อสู้กับผู้ครอบครอง
47. “เพราะฉะนั้น ดูเถิด วันเวลาจะมาถึงเมื่อเราจะลงโทษรูปเคารพแห่งบาบิโลนแผ่นดินทั้งสิ้นของมันจะต้องได้อายและบรรดาชาวบาบิโลน ซึ่งถูกฆ่าจะล้มลงที่ท่ามกลางมัน
48. แล้วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งที่มีอยู่ในนั้นจะร้องเพลงเพราะความชื่นบานเหนือบาบิโลนเพราะว่าผู้ทำลายจะมาจากทิศเหนือต่อสู้กับเขาทั้งหลายพระเจ้าตรัสดังนี้
49. บาบิโลนจะต้องล้มลง เนื่องด้วยคนที่ถูกฆ่าแห่งอิสราเอลดังผู้ที่ถูกฆ่าแห่งแผ่นดินโลกทั้งมวลได้ ล้มลงเพราะบาบิโลน
50. “เจ้าทั้งหลายผู้ที่รอดพ้นไปจากดาบรีบไปเถิด อย่ายืนนิ่งอยู่จงระลึกถึงพระเจ้าจากที่ไกลและให้กรุงเยรูซาเล็มเข้ามาในจิตใจของเจ้า
51. ว่า ‘เราได้อาย เพราะเราได้ยินคำเยาะเย้ยความอัปยศคลุมหน้าเราไว้เพราะคนต่างชาติได้เข้าในสถานบริสุทธิ์แห่งพระนิเวศของพระเจ้า’
52. พระเจ้าตรัสว่า “เพราะฉะนั้น ดูเถิด วันเวลาจะมาถึงเมื่อเราจะลงโทษรูปเคารพของมันและคนที่บาดเจ็บจะคร่ำครวญอยู่ทั่วแผ่นดินทั้งสิ้นของมัน
53. พระเจ้าตรัสว่าถึงแม้บาบิโลนจะขึ้นไปบนสวรรค์และถึงแม้มันจะสร้างป้อมกันที่สูงอันเข้มแข็งของมันไว้บรรดาผู้ทำลายก็ยังมาจากเราเหนือมัน
54. “ฟังซิ มีเสียงร้องมาจากบาบิโลนเสียงโครมครามจากแผ่นดินของคนเคลเดีย
55. เพราะพระเจ้า กำลังทรงกระทำให้บาบิโลนเป็นที่ทิ้งร้างและกระทำเสียงที่ใหญ่โตของมันให้เงียบคลื่นของเขาทั้งหลายคะนองเหมือนน้ำมากเสียงอึกทึกของเขาก็เปล่งออกมา