3. บนภูเขาที่อยู่กลางทุ่ง เราจะให้หลักฐาน บ้านช่องและทรัพย์สมบัติของเจ้าเป็นของริบ เป็นค่าแห่งบาปของเจ้าตลอดทั่วแผ่นดินของเจ้า
4. เจ้าจะต้องปล่อยมือของเจ้าจากมรดกซึ่ง เราได้ยกให้แก่เจ้า และเราจะกระทำให้เจ้าปรนนิบัติศัตรูของเจ้า ในแผ่นดินซึ่งเจ้าไม่รู้จัก เพราะความโกรธของเรา เราก่อไฟขึ้นซึ่งจะไหม้อยู่เป็นนิตย์”
5. พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า“คนที่วางใจในมนุษย์และให้เนื้อหนังเป็นมือของเขาและใจของเขาหันออกจากพระเจ้าคนนั้นก็เป็นที่แช่งสาป
6. เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ที่อยู่ในทะเลทรายและไม่เห็นความดีอันใดมาถึงเลยเขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่แตกระแหงที่ในถิ่นทุรกันดารในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีคนอาศัย
7. “คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพรคือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า
8. เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำเมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัวเพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอและไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้งเพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล”
9. จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมดมันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียวผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า
10. “เราคือพระเจ้าตรวจค้นดูจิตและทดลองดูใจเพื่อให้แก่ทุกคนตามพฤติการณ์ของเขาตามผลแห่งการกระทำของเขา”
11. เหมือนนกกระทาที่รวบรวมลูกซึ่งมันมิได้ฟักฉันใดคนที่ได้ความมั่งมีมาอย่างไม่เป็นธรรมก็ฉันนั้นพอถึงกลางวัย มันก็พรากจากคนนั้นเสียและในตอนปลายของเขาเขาจะเป็นคนโฉดเขลา
12. ที่ตั้งแห่งสถานศักดิ์สิทธิ์ของเราทั้งหลายเป็นพระที่นั่งรุ่งเรืองซึ่งตั้งอยู่สูงตั้งแต่เดิมนั้น
13. ข้าแต่พระเจ้า ความหวังแห่งอิสราเอลบรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระองค์จะต้องรับความอับอายบรรดาคนทั้งปวงที่หันไปจากพระองค์จะต้องจารึกไว้ในแผ่นดินโลกเพราะเขาได้ละทิ้งพระเจ้าผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตเสีย
14. ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรักษาข้าพระองค์ข้าพระองค์จะได้หายขอทรงช่วยข้าพระองค์ข้าพระองค์จึงจะรอดเพราะพระองค์เป็นที่สรรเสริญของข้าพระองค์
15. ดูเถิด เขาทั้งหลายได้พูดกับข้าพระองค์ว่า“พระวจนะของพระเจ้าอยู่ที่ไหนให้มาเถิด”
16. ข้าพระองค์มิได้คาดคั้นให้พระองค์ส่งเหตุร้ายข้าพระองค์ก็ไม่ประสงค์วันแห่งความหายนะพระองค์ทรงทราบแล้วสิ่งซึ่งออกมาจากริมฝีปากของข้าพระองค์ก็อยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์
17. ขออย่าทรงเป็นเหตุให้ข้าพระองค์ครั่นคร้ามพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยแห่งข้าพระองค์ในวันร้าย