11. คนเหล่านี้ได้ชื่ออีกว่าเรฟาอิม เหมือนคนอานาค แต่คนโมอับเรียกชื่อพวกนี้ว่าเอมิม
12. เมื่อก่อนพวกโฮรีได้อยู่ที่เสอีร์ด้วย แต่ลูกหลานเอซาวได้มาอยู่แทนเขา และได้ทำลายเขาเสียให้พ้นหน้า และได้อาศัยอยู่ในที่ของเขา เหมือนพวกอิสราเอลได้กระทำแก่เมืองที่พระเจ้า ประทานให้เขายึดครองนั้น)
13. ‘บัดนี้เจ้าทั้งหลายจงยกเดินข้ามห้วย เศเรด’ เราทั้งหลายจึงข้ามห้วย เศเรด
14. และนับตั้งแต่เรามาจากคาเดชบารเนีย จนถึงได้ข้ามลำธารเศเรดนั้นได้สามสิบแปดปี จนสิ้นชาติพันธุ์นั้น คือคนทั้งหลายที่จะออกทัพได้นั้นตายหมด ตามที่พระเจ้าทรงสัญญากับเขาไว้
15. แท้จริงพระหัตถ์พระเจ้าได้ทรงต่อสู้เขา ทรงทำลายเขาจากท่ามกลางค่าย จนเขาทั้งหลายศูนย์เสียหมด
16. “เหตุฉะนั้นเมื่อคนที่ออกทัพได้ มาตายเสียหมดจากท่ามกลางคนเหล่านั้นแล้ว
17. พระเจ้าได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า
18. ‘วันนี้เจ้าทั้งหลายจะเดินข้าม ตำบลอาร์เขตแดนของคนโมอับ
19. และเมื่อเข้าใกล้แนวหน้าของคนอัมโมน อย่าราวีหรือรบกับเขาเลย เพราะเราจะไม่ให้ที่อยู่ของลูกหลานคนอัมโมนแก่ เจ้าให้ยึดครองเลย ด้วยเราได้ให้ที่นั่นแก่พงศ์พันธุ์โลทเป็นผู้ยึดครองแล้ว’
20. (ทั้งที่นั่นก็นับว่าเป็นแผ่นดินของพวกเรฟาอิม แต่ก่อนคนเรฟาอิมได้อยู่ในนั้น แต่คนอัมโมนได้เรียกชื่อของเขาว่าศัมซุมมิม
21. คนเหล่านั้นใหญ่และมาก และสูงอย่างคนอานาค แต่พระเจ้าได้ทรงทำลายเขาเสียให้พ้นหน้า และพวกอัมโมนได้เข้ายึดที่ของเขาและตั้งอยู่แทน
22. เหมือนพระองค์ได้ทรงกระทำให้แก่พวกลูกหลาน เอซาวผู้อยู่ที่เสอีร์ เมื่อพระองค์ทรงทำลายพวกโฮรีเสียให้พ้นหน้า และเขาได้ยึดที่ของพวกโฮรีแล้วตั้งอยู่แทนจนทุกวันนี้
23. ส่วนพวกอัฟวิมที่อยู่ในชนบทจนถึงกาซา คนคัฟโทร์ซึ่งมาจากตำบลคัฟโทร์ ก็ได้ทำลายเขาและตั้งอยู่แทน)
24. ‘พวกเจ้าจงลุกเดินทางไปข้ามลุ่มแม่น้ำอารโนน ดูเถิด เราได้มอบสิโหนชาวอาโมไรต์ผู้เป็นกษัตริย์เมืองเฮชโบน และเมืองของเขาไว้ในมือของพวกเจ้า เจ้าทั้งหลายจงตั้งต้นยึดเมืองนั้นและสู้รบกับเขา
25. ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะให้ชนชาติทั้งหลายทั่วใต้ฟ้า ครั่นคร้ามต่อพวกเจ้าและกลัวเจ้า คนประเทศผู้จะได้ยินข่าวเรื่อง เจ้าจะกลัวตัวสั่นและมีความระทมเพราะเจ้า’