บท

  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10
  11. 11
  12. 12

พันธสัญญาเดิม

พันธสัญญาใหม่

ปัญ‌ญา‌จารย์ 2 ฉบับ1971 (TH1971)

1. ข้าพ‌เจ้า​รำ‌พึง​ว่า “มา​เถอะ มา​ลอง​สนุก​สนาน​กัน​ดู เอ้า จง​สนุก​สบาย​ใจ​ไป” แต่​ดู‍เถิด เรื่อง​นี้​ก็​อนิจ‌จัง​เช่น​กัน

2. ข้าพ‌เจ้า​พูด​เกี่ยว​กับ​การ​หัวเราะ​ว่า “บ้าๆ​บอๆ” และ​กล่าว​ถึง​ความ​สนุก​สนาน​ว่า “มี​ประ‌โยชน์​อะไร”

3. ข้าพ‌เจ้า​คิด​ดู​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง‍ไร กาย​จึง​จะ​คึก‍คัก​ด้วย​เหล้า​องุ่น และ​ใจ​ยัง​คง​แนะ‍นำ​ข้าพ‌เจ้า ด้วย​สติ​ปัญ‌ญา​และ​จะ​ยึด​ความ​เขลา​ไว้​อย่าง‍ไร จน​ข้าพ‌เจ้า​จะ​เห็น​ได้​ว่า อะไร​จะ​ดี​สำ‌หรับ​ให้​บรร‌ดา​บุตร​ของ​มนุษย์ กระ‌ทำ​ภาย‍ใต้​ท้อง‍ฟ้า​ตลอด​ชีวิต​ของ​เขา

4. ข้าพ‌เจ้า​กระ‌ทำ​การ​ใหญ่​โต ข้าพ‌เจ้า​ได้​สร้าง​เรือน​หลาย​หลัง และ​ทำ​สวน​องุ่น​หลาย​แปลง

5. ข้าพ‌เจ้า​ทำ​สวน​ผล‍ไม้​และ​สวน​หย่อน​ใจ​หลาย​แห่ง ปลูก​ต้น‍ไม้​มี​ผล​หลาย​อย่าง​ไว้​ใน​สวน​เหล่า​นั้น

6. ข้าพ‌เจ้า​สร้าง​สระ‍น้ำ​หลาย​สระ​สำ‌หรับ​ตัว​เอง เพื่อ​จะ​ใช้​น้ำ​ใน​สระ​นั้น​รด​หมู่​ไม้​ที่​กำ‌ลัง​งอก‍งาม

7. ข้าพ‌เจ้า​ซื้อ​ทาส​ชาย​หญิง​ไว้​มี​ทาส​เกิด​ขึ้น​ใน​บ้าน ข้าพ‌เจ้า​มี​ฝูง​โค​ฝูง​แพะ​แกะ​เป็น สม‌บัติมาก​กว่า​ของ​บรร‌ดา​คน​ที่​อยู่​ใน กรุง​เย‌รู‌ซา‌เล็ม​ก่อน​ข้าพ‌เจ้า

8. ข้าพ‌เจ้า​สะสม​เงิน​ทองไว้​ด้วย และ​ส่ำ‍สม​ทรัพย์​สม‌บัติ​อัน​ควร​คู่​กับ​กษัตริย์​และ​ควร คู่​กับ​เมือง​ทั้ง‍หลาย ข้าพ‌เจ้า​มี​นัก‍ร้อง​ชาย​หญิง​สำ‌หรับ​ตัว​และ​เมีย​น้อย ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​ชอบ​ใจ​ผู้‍ชาย

9. ข้าพ‌เจ้า​จึง​เป็น​ใหญ่​เป็น​โตกว่า บรร‌ดา​คน​ที่​เคย​อยู่​มา​ก่อน​ข้าพ‌เจ้า​ใน​เย‌รู‌ซา‌เล็ม และ​สติ​ปัญ‌ญา​ของ​ข้าพ‌เจ้า​ยัง​คง​อยู่​กับ​ข้าพ‌เจ้า​ด้วย

10. สิ่ง​ใดๆ​ที่​นัยน์ตา​ของ​ข้าพ‌เจ้า​อยาก​เห็น ข้าพ‌เจ้า​ก็​ไม่​ปิด‍บัง ข้าพ‌เจ้า​มิ‍ได้​ห้าม​ใจ​จาก​ความ​สนุก​สนาน​ใดๆ เพราะ​ใจ​ข้าพ‌เจ้า​พบ​ความ​เพลิด‌เพลิน​ใน​บรร‌ดา​งาน​ของ​ข้าพ‌เจ้า และ​นี่​เป็น​ราง‌วัล​จาก​งาน​ของ​ข้าพ‌เจ้า

11. แล้ว​ข้าพ‌เจ้า​หัน​มา​ดู​บรร‌ดา​สิ่ง​ที่​มือ​ข้าพ‌เจ้า​กระ‌ทำ และ​ความ​เหน็ด​เหนื่อย​ที่​ข้าพ‌เจ้า​ทุ่ม‍เท​ลง​ไป​และ ดู‍เถิด ทุก​อย่าง​ก็​อนิจ‌จัง คือ​กิน​ลม​กิน​แล้ง และ​ไม่‍มี​ประ‌โยชน์​อะไร​ภาย‍ใต้​ดวง​อาทิตย์

12. ข้าพ‌เจ้า​จึง​หัน​มา​พิเคราะห์​สติ​ปัญ‌ญา ความ​บ้า‍บอ และ​ความ​เขลา เพราะ​คน​ที่​มา​ภาย‍หลัง​กษัตริย์ จะ​ทำ​อะไร​ได้​บ้าง เขา​ก็​กระ‌ทำ​สิ่ง​ที่​เขา​กระ‌ทำ​กัน​มา​นาน​แล้ว​นั้น​ได้

13. ข้าพ‌เจ้า​เห็น​ว่า​สติ​ปัญ‌ญา​วิเศษ​กว่า​ความ​เขลา เหมือน​ความ​สว่าง​วิเศษ​กว่า​ความ​มืด

14. คน​มี​สติ​ปัญ‌ญา​มี​ตา​อยู่​ใน​สมอง แต่​คน​เขลา​เดิน​ใน​ความ​มืด ถึง​กระ‌นั้น​ข้าพ‌เจ้า​ยัง​เห็น​ว่า เคราะห์​อย่าง​เดียว​กัน​เกิด​ขึ้น​แก่​เขา​ทั้ง‍มวล

15. ข้าพ‌เจ้า​จึง​รำ‌พึง​ว่า “เคราะห์​กรรม​อัน​ใด​เกิด​แก่​คน​เขลา​ฉัน‍ใด ก็​คง​จะ​เกิด​กับ​ตัว​ข้าพ‌เจ้า​ฉัน​นั้น ถ้า​กระ‌นั้น​แล้ว​ข้าพ‌เจ้า​จะ​มี​สติ​ปัญ‌ญา​มาก‍มาย​ทำไม​เล่า” ข้าพ‌เจ้า​จึง​รำ‌พึง​ว่า​เรื่อง​นี้​ก็​อนิจ‌จัง​เหมือน​กัน

16. เพราะ​ไม่‍มี​ใคร​ระลึก​ถึง​คน​มี​สติ​ปัญ‌ญา​เช่น เดียว​กับ​คน​เขลา ด้วย​เห็น​ว่า​ใน​อนา‌คต​ก็​ลืม​กัน​ไป​หมด​แล้ว พุท‌โธ่ คน​มี​สติ​ปัญ‌ญา​ก็​ตาย​เหมือน​คน​เขลา

17. ข้าพ‌เจ้า​จึง​เกลียด​ชีวิต เพราะ​ว่า​การ​งาน​ที่​เขา​ทำ​กัน​ภาย‍ใต้ ดวง​อา‌ทิตย์​ก่อ​ความ​สลด‍ใจ​ให้​แก่​ข้าพ‌เจ้า เพราะ​สาร‌พัด​ก็​อนิจ‌จัง​คือ​กิน​ลม​กิน​แล้ง

18. ข้าพ‌เจ้า​เกลียด​การ​งาน​ทั้ง‍สิ้น​ของ​ข้าพ‌เจ้า ซึ่ง​ข้าพ‌เจ้า​ตราก‌ตรำ​อยู่​ภาย‍ใต้​ดวง​อา‌ทิตย์ เพราะ​ข้าพ‌เจ้า​จำ​ต้อง​ละ​การ​นั้น​ไว้​ให้ แก่​คน​ที่​มา​ภาย‍หลัง​ข้าพ‌เจ้า

19. แล้ว​ใคร​จะ​ไป​ทราบ​ว่า​เขา​คน​นั้น​จะ​เป็น​คน มี​สติ​ปัญ‌ญา​หรือ​คน​เขลา กระ‌นั้น​เขา​ก็​ครอบ‍ครอง​บรร‌ดา​การ​งาน​ของ​ข้าพ‌เจ้า ที่​ข้าพ‌เจ้า​ได้​ตราก‌ตรำ​มา​และ​ที่​ข้าพ‌เจ้า​ใช้​สติ ปัญ‌ญา​กระ‌ทำ​ภาย‍ใต้​ดวง​อา‌ทิตย์ นี่​ก็​อนิจ‌จัง​ด้วย

20. ข้าพ‌เจ้า​จึง​กลับ​อัด‍อั้น​ตัน‍ใจ​นัก​ถึง เรื่อง​การ​งาน​ของ​ข้าพ‌เจ้า ซึ่ง​ข้าพ‌เจ้า​ตราก‌ตรำ​มา​ภาย‍ใต้​ดวง​อา‌ทิตย์

21. ด้วย​ว่า​มี​คน​ที่​ทำ‍งาน​โดย​ใช้​สติ​ปัญ‌ญา ความ​รู้ และ​ความ​ชำ‌นาญ แต่​แล้ว​ก็​ละ​การ​นั้น​ให้​เป็น​ส่วน​ของ​อีก​คน​หนึ่ง ที่​หา‍ได้​ออก​แรง​ทำ​เพื่อ​การ​นั้น​ไม่ นี่​ก็​อนิจ‌จัง​ด้วย​และ​สา‌มานย์​ยิ่ง

22. เพราะ​ว่า​เขา​ได้​อะไร​จาก​บรร‌ดา​งาน​ตราก‌ตรำ และ​คร่ำ‍เครียด​ที่​เขา​ต้อง​ทำ​ภาย‍ใต้​ดวง​อา‌ทิตย์​เล่า

23. ด้วย​ว่า​ปี​เดือน​ของ​เขา​มี​แต่​ความ​เจ็บ‍ปวด และ​กิจ‍ธุระ​ของ​เขา​ก่อ​ความ​สลด‍ใจ ถึง​กลาง‍คืน​จิต‍ใจ​ของ​เขา​ก็​ไม่​หยุด​พัก​สงบ นี่​ก็​อนิจ‌จัง​ด้วย

24. สำ‌หรับ​มนุษย์​นั้น​ไม่‍มี​อะไร​ดี​ไป​กว่า​กิน และ​ดื่ม กับ​หา​ความ​ชื่น‍บาน​ใน​การ​งาน​ของ​เขา นี่​แหละ​ข้าพ‌เจ้า​เห็น​ว่า​เป็น​มา​จาก​พระ‍หัตถ์​ของ​พระ‍เจ้า

25. ด้วย​ถ้า​ไม่​อา‌ศัย​พระ‍องค์​แล้ว​ใคร​จะ​กิน​ได้​เล่า หรือ​ใคร​จะ​มี​ความ​ชื่น‍บาน​ได้

26. เพราะ​ว่า​พระ‍เจ้า​ประ‌ทาน​สติ​ปัญ‌ญา ความ​รู้ และ​ความ​ยินดี​ให้​แก่​คน​ที่​พระ‍องค์​ทรง​พอ‍พระ‍ทัย แต่​ส่วน​คน​บาป​พระ‍องค์​ประ‌ทาน​งาน​ที่​ต้อง​เก็บ​เกี่ยว​และ​สะสม เพื่อ​ให้​แก่​ผู้​ที่​พระ‍เจ้า​พอ‍พระ‍ทัย นี่​ก็​อนิจ‌จัง​ด้วย​คือ​กิน​ลม​กิน​แล้ง