8. ฟาโรห์จึงตรัสถามยาโคบว่า “อายุท่านได้เท่าไร”
9. ยาโคบทูลตอบฟาโรห์ว่า “ข้าพระบาทดำรงชีวิตร่อนเร่พเนจรนับได้ร้อยสามสิบปี ชีวิตของข้าพระบาทสั้นและร้าย ไม่เท่าอายุบรรพบุรุษของข้าพระบาทที่ดำรงชีวิตไปๆมาๆอยู่นั้น”
10. ยาโคบถวายพระพรแก่ฟาโรห์ แล้วทูลลาไปจากพระพักตร์ของฟาโรห์
11. ฝ่ายโยเซฟให้บิดาและบรรดาพี่น้องของตนอยู่ และถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในประเทศอียิปต์ ในดินแดนที่ดีที่สุด คือในเมืองราเมเสส ตามรับสั่งของฟาโรห์
12. โยเซฟเลี้ยงดูบิดาและพวกพี่น้องรวมทั้งครอบครัวของบิดา ให้มีอาหารรับประทานตามจำนวนคนในครอบครัว
13. ครั้งนั้นทั่วแผ่นดินขาดอาหารเพราะการกันดารอาหารร้ายแรง จนราษฎรอียิปต์และราษฎรคานาอันหิวโหยเพราะ การกันดารอาหาร
14. โยเซฟรวบรวมเงินทั้งหมดที่ได้จากการขาย ข้าวในอียิปต์และแคว้นคานาอัน และนำเงินไปไว้ในราชวังฟาโรห์
15. เมื่อเงินในประเทศอียิปต์และแคว้นคานาอันหมดแล้ว ชาวอียิปต์ทั้งปวงมากราบเรียนโยเซฟว่า “ขออาหารให้พวกข้าพเจ้ารับประทานเถิด เหตุใดพวกข้าพเจ้าจะต้องอดตายต่อหน้าท่าน เพราะเงินหมดเล่า”
16. โยเซฟจึงบอกว่า “ถ้าเงินหมดแล้ว จงเอาสัตว์ของเจ้ามาให้เรา เราจะให้ข้าวแลกกับสัตว์”
17. เขาก็นำสัตว์มาให้โยเซฟ โยเซฟก็ให้อาหารแก่เขาแลกกับม้าแพะแกะโคและลา ในปีนั้นท่านจ่ายอาหารแลกกับสัตว์ต่างๆของเขา
18. เมื่อปีนั้นล่วงไปแล้ว เขาก็มาหาท่านในปีต่อไปกราบเรียนว่า “พวกข้าพเจ้าขอบอกนายตามตรงว่า เงินของข้าพเจ้าหมดแล้ว และฝูงสัตว์ของข้าพเจ้าก็เป็นของนายด้วย ข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดเหลือต่อหน้าท่านเลย เว้นแต่ตัวข้าพเจ้ากับที่ดินไร่นาเท่านั้น