3. ให้พวกเราไปเบธเอล ที่นั่นข้าจะทำแท่นบูชาพระเจ้าผู้ทรงตอบข้าใน วันที่ข้ามีความทุกข์ใจ และทรงอยู่กับข้าในสถานที่ทุกแห่งที่ข้าไปนั้น”
4. คนทั้งหลายเอาพระต่างด้าวทั้งหมดที่มีอยู่ กับตุ้มหูที่หูของเขามาให้ยาโคบ ยาโคบก็ฝังไว้ใต้ต้นก่อที่อยู่ใกล้เมืองเชเคม
5. เมื่อพวกเขายกเดินไป หัวเมืองที่อยู่รอบข้างต่างมีความเกรงกลัวพระเจ้า ชาวเมืองจึงมิได้ไล่ตามบรรดาบุตรชายของยาโคบ
6. ยาโคบมาถึงตำบลลูส (คือเบธเอล) ซึ่งอยู่ในแคว้นคานาอัน ทั้งตัวเขาและทุกคนที่อยู่กับเขา
7. ที่นั่นยาโคบสร้างแท่นบูชาไว้ และเรียกตำบลนั้นว่า เอลเบเธล เหตุว่าที่นั่น พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ แก่ยาโคบเมื่อครั้งหนีพี่ชายไป
8. ฝ่ายพี่เลี้ยงของนางเรเบคาห์ ชื่อเดโบราห์ก็ถึงแก่ความตาย เขาฝังศพไว้ใต้ต้นก่อใต้เบธเอล เขาเรียกต้นไม้นั้นว่าอัลโลนบาคูท
9. เมื่อยาโคบออกจากปัดดานอารัม พระเจ้าก็ทรงสำแดงพระองค์แก่ยาโคบอีก และทรงอวยพรเขา
10. พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า “เจ้ามีชื่อว่ายาโคบ เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป แต่จะมีชื่อว่าอิสราเอล” ดังนั้นคนจึงเรียกเขาว่าอิสราเอล
11. พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า “เราเป็นพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เจ้าจงเกิดผู้คนทวีมากขึ้น ประชาชาติหนึ่งและหลายประชาชาติจะเกิดมาจากเจ้า กษัตริย์หลายองค์จะออกมาจากเจ้า
12. ดินแดนนี้ที่เราให้แก่อับราฮัมและอิสอัคแล้วเราจะให้แก่เจ้า และเราจะให้ดินแดนนี้แก่เชื้อสายของเจ้าสืบ ต่อไป”
13. พระเจ้าเสด็จขึ้นไปจากยาโคบ ณ ที่ที่พระเจ้าตรัสแก่เขา
14. ยาโคบก็ปักเสาศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่นั่นที่พระองค์ตรัสแก่ตน เป็นเสาหินศักดิ์สิทธิ์ เขาก็เอาเครื่องดื่มบูชาเทลงบนเสา และเทน้ำมันบนนั้น
15. ยาโคบเรียกตำบลที่พระเจ้าตรัสแก่ตนว่า เบธเอล
16. พวกเขาไปจากเบธเอลยังไม่ทันถึงเอฟราธาห์ นางราเชลจะคลอดบุตรก็เจ็บครรภ์นัก
17. ขณะที่นางเจ็บครรภ์นัก หญิงผดุงครรภ์บอกว่า “อย่ากลัว ท่านจะได้บุตรชายอีกคนหนึ่ง”
18. เมื่อชีวิตใกล้ดับ (เพราะนางถึงแก่ความตาย) นางเรียกบุตรนั้นว่า เบนโอนี แต่บิดาเรียกว่า เบนยามิน
19. นางราเชลก็สิ้นชีวิต เขาฝังศพไว้ริมทางที่จะไปบ้านเอฟราธาห์ (คือเบธเลเฮม)
20. ยาโคบเอาเสาหินปักไว้ ณ ที่ฝังศพซึ่งเป็นเสาหิน ณ ที่ฝังศพนางราเชลจนทุกวันนี้
21. อิสราเอลก็ยกเดินต่อไปอีก ไปตั้งเต็นท์อยู่เลยหอคอยชื่อเอเดอร์