6. ฮาโมร์บิดาของเชเคมก็ไปหายาโคบพูดจาปรึกษากัน
7. เมื่อพวกลูกของยาโคบได้ยินข่าวนั้นก็กลับมาจากนา ต่างก็เป็นเดือดเป็นแค้นที่เชเคมสบประมาทพวกอิสราเอล โดยข่มขืนบุตรีของยาโคบ ซึ่งเป็นความผิดอย่างหนัก
8. ฮาโมร์ก็พูดจาปรึกษากับพวกเขาว่า “จิตใจเชเคมบุตรชายของเรานี้ผูกพันรักใคร่ลูกสาวของท่านมาก ขอหญิงนั้นเป็นภรรยาบุตรชายของเราเถิด
9. และเชิญพวกท่านจงทำการสมรสกับพวกเรา ยกบุตรีของท่านให้พวกเรา และรับบุตรีของเราให้พวกท่าน
10. พวกท่านจะได้อยู่กับพวกเรา เราจะเปิดประตูเมืองนี้ให้ท่าน เชิญอาศัยเป็นที่ค้าขาย และเชิญหาสมบัติในเมืองนี้”
11. เชเคมบอกบิดาและพวกพี่ชายของหญิงนั้นว่า “เห็นแก่ข้าพเจ้าเถิด ท่านจะเรียกเท่าไรข้าพเจ้าก็จะให้
12. ท่านจะเอาเงินสินสอดและของขวัญสักเท่าไรก็ตามใจ ท่านจะเรียกเท่าไร ข้าพเจ้าจะให้ แต่ขอยกหญิงนั้นเป็นภรรยาข้าพเจ้า”
13. เพราะเหตุที่เชเคมทำลายความบริสุทธิ์ของดีนาห์น้องสาว บุตรชายของยาโคบจึงหลอกเชเคม และฮาโมร์บิดาของเชเคม
14. โดยตอบว่า “เราจะยกน้องสาวของเราให้ แก่คนที่ยังไม่ได้เข้าสุหนัตนั้นไม่ได้ จะเป็นที่อับอายขายหน้าแก่เรา
15. เราจะยอมก็ต่อเมื่อท่านถือตามเรา คือยอมเหมือนพวกเรา โดยให้ผู้ชายทุกคนเข้าสุหนัต
16. เราจึงจะยอมยกบุตรีของเราให้แก่พวกท่าน แล้วจะรับบุตรีของพวกท่านเป็นภรรยาของพวกเรา แล้วเราจะอยู่กับท่านเป็นชนชาติเดียวกัน
17. แต่หากว่าท่านทั้งหลายไม่ฟังคำเรา ไม่เข้าสุหนัต เราจะเอาบุตรีของเราไปเสีย”
18. ถ้อยคำของเขาเป็นที่พอใจฮาโมร์ และเชเคมบุตรชายของฮาโมร์
19. หนุ่มคนนั้นไม่รีรอที่จะทำตามเพราะเขาชอบบุตรีของยาโคบ เขาเป็นคนมีเกียรติ มากกว่าใครๆในครอบครัวของบิดา
20. ฮาโมร์กับเชเคมบุตรชายจึงออกไปที่ ประตูเมืองบอกชาวเมืองว่า