7. มันฟุ้งเฟ้อบำรุงบำเรอตัวเองเท่าใดจงให้ทุกข์โศกความทรมานแก่มันเท่านั้นมันลำพองใจว่า‘ข้านั่งบัลลังก์เป็นราชินี ข้าไม่ใช่หญิงม่ายข้าจะไม่มีวันทุกข์โศก’
8. ฉะนั้นภายในวันเดียวภัยพิบัติต่างๆ จะจู่โจมนครนั้นคือความตาย ความทุกข์โศก และความอดอยากมันจะถูกไฟเผาวอดวายเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษามันนั้นทรงฤทธิ์
9. “เมื่อบรรดากษัตริย์ของโลกที่ร่วมประเวณีและร่วมฟุ้งเฟ้อกับนครนั้นเห็นควันไฟที่เผามัน พวกเขาจะร่ำไห้และไว้อาลัยให้นครนั้น
10. พวกเขากลัวภัยแห่งความทุกข์ทรมานของมันจึงยืนอยู่ห่างๆ และร้องว่า“ ‘วิบัติ! วิบัติแล้ว โอ มหานครโอ บาบิโลน นครซึ่งเรืองอำนาจ!เพียงชั่วโมงเดียวความพินาศย่อยยับก็มาถึงเจ้า!’
11. “พ่อค้าทั้งหลายของโลกจะร่ำไห้ไว้อาลัยนครนั้นเพราะไม่มีใครซื้อสินค้าของเขาอีกแล้ว
12. คือทองคำ เงิน เพชรพลอยและไข่มุก ผ้าลินินเนื้อดี ผ้าสีม่วง ผ้าไหมและผ้าสีแดงเข้ม ไม้หอมทุกชนิดและผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากงาช้าง ไม้ราคาแพง ทองสัมฤทธิ์ เหล็กและหินอ่อน